สัปดาห์นี้รอติดตามแรงงานสหรัฐฯ
Market Update
ตลาดหุ้น Dow Jones คืนวันศุกร์ปิดบวก 0.3% นักลงทุนคาดหวัง FED จะปรับลดดอกเบี้ย หลังจากที่เงินเฟือต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดบวก 0.5% คาดหวังอุปสงค์ฟื้นตัวจากจีนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
Market Outlook
วันศุกร์ที่ผ่านมาสหรัฐฯ รายงานเงินเฟ้อ (PCE) พบว่าขยายตัว 2.2%YoY , 0.1%MoM ต่ำกว่าที่ Bloomberg Consensus คาดไว้ที่ 2.3%YoY พร้อมกับการเติบโตของค่าจ้างขยายตัว 0.2%MoM แย่กว่าที่ Bloomberg Consensus คาดไว้ที่ 0.4%MoM โดยการใช้จ่ายขยายตัวเพียง 0.2% MoM แย่กว่าที่ Bloomberg Consensus คาดไว้ที่ 0.3%MoM รายละเอียดภายในพบว่าผู้บริโภคใช้จ่ายลดลงในสินค้าประเภทยานยนต์ อาหาร อย่างไรก็ตาม ใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในสินค้าจำเป็น อาทิเช่น สาธารณูปโภค การแพทย์เมื่อพิจารณาจากการใช้จ่ายข้างต้น อาจบ่งชี้ถึงความมั่นใจต่อการใช้จ่ายที่น้อยลง เพราะใช้จ่ายสินค้าคงทนลดลง แต่ยังดีขึ้นบ้างในสินค้าเกี่ยวข้องกับนันทนาการ ซึ่งโดยสรุปแล้วภาคบริการยังดี แต่ภาคบางส่วนที่ลดลงเช่นการใช้จ่ายในกลุ่มยานยนต์ ซึ่งอาจเป็นปัญหาทางเศรษฐกิจ โดยรวมหลังจากทราบข้อมูลทั้งหมดพบว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับลง โดย CME FED Watch ให้น้ำหนักปรับลดดอกเบี้ย 0.5% ราว 53% และอีก 47% ให้น้ำหนักลดดอกเบี้ย 0.25% โดยสัปดาห์นี้นักลงทุนจะให้น้ำหนักกับตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ประกอบไปด้วย (1) ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคผลิต (ISM PMI) และตำแหน่งเปิดรับสมัครงาน Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 47.6 , 7.6 ล้านตำแหน่ง (วันอังคาร) (2) การจ้างงานภาคเอกชนจากสถาบัน ADP Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 1.2 แสนราย (วันพุธ) (3) ในวันศุกร์มีกำหนดรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราการว่างงาน Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 1.4 แสน และ 4.2% ส่วนปัจจัยในประเทศสัปดาห์นี้รอติดตาม (1) แถลงภาวะเศรษฐกิจจากธนาคารแห่งประเทศไทยในวันจันทร์ พร้อมกับดุลบัญชีเดินสะพัด Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่เกินดุล 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
สัปดาห์นี้ประเมิน SET เคลื่อนไหวในกรอบ 1420 – 1465 คาดว่าเข้าสู่จังหวะพักฐานบ้างหลังก่อนหน้า SET ฟื้นจากจุดต่ำสุดมาแล้วราว 14.7% สะท้อนปัจจัยบวกต่างๆไปมากแล้วไม่ว่าจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ กองทุนวายุกักษ์ ซึ่งในอีกมุมนึงส่งผลให้มูลค่าของ SET INDEX เริมอยู่ในระดับไม่ถูกเท่าใดนัก ( Earnings Yield Gap กลับลงมาค่าเฉลีย)ประกอบกับเริ่มเห็นแรงขายสุทธิของนักลงทุนต่างชาติ 3 วันติดต่อพร้อมกับ Short Tfex ขณะที่ต่างประเทศก็เริ่มไร้ปัจจัยหนุน แม้เงินเฟ้อสหรัฐฯจะต่ำกว่าคาดการณ์แต่ตลาดหุ้นสหรัฐฯก็ดูตอบรับไม่มากนัก เชิงกลยุทธ์การลงทุนนักลงทุนระยะสั้น อาจเลือกทยอยทำกำไรหลังตลาดหุ้นสะท้อนปัจจัยหนุนไปมากแล้ว ส่วนนักลงทุนระยะสั้นในช่วงนี้เน้นเป็นเพียง Trading ระยะสันและเลือกหุ้นที่ปัจจัยพื้นฐานดีแต่ราคายังไม่ปรับ ขึ้นมาก (ITC TU BEM AOT MINT) รวมไปถึงหุ้นที่ได้ประโยชน์น้ำมันปรับฐานอย่างสายการบิน (AAV BA)
หุ้นแนะนำซื้อวันนี้
MINT (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 36.00 บาท)
โอกาสในการเติบโตบนเครือข่ายธุรกิจที่แข็งแกร่ง และความผันผวนของอัตรากำไรสุทธิที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่ม 2) อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ที่มีแนวโน้มเติบโตจากแผนผลักดันธุรกิจประเภท Assets Light 3) อานิสงส์จากการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวในยุโรป โดยทาง European Travel Commission (ETC) มองเป้าหมายยอดการจับจ่ายของนักท่องเกี่ยวในปี 2024 จะพุ่ง สูงขึ้น +14% YoY
AP (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 14.20 บาท)
AP เปิดตัวโครงการใน 1H24 ที่สูง 3.1 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 53% ของเป้าหมายปี 2024 โดย 3Q24 มีกำหนดการเปิดตัวใหม่ 12 โครงการ มูลค่า 9.7 พันล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนแนวราบ 92% และ คอนโด 8% (ได้แก่ แบรนด์ CLASSE, บ้านกลางเมือง, DISTRICT, Pleno, Pleno Town, อภิทาวน์ และ aspire) และมีการกำหนดการโอนคอนโด JV จำนวนอีก 1 โครงการ Life Rama4-Asoke (มูลค่า 6.5 พันล้านบาท ขายแล้ว 57%)