Daily Focus: SET ยังคงอยู่ในช่วงชะลอสร้างฐานระยะสั้น

2024 SET Target : 1470

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่งตัว Sideways ออกข้าง โดยอยู่ในช่วงสร้างฐานระยะสั้นตามคาด ดัชนีปิดลบเป็นวันที่ 4 ติดต่อกันอีกเล็กน้อย 1.32 จุด ที่ระดับ 1,448.83 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อที่บางลงเหลือ 5.3 หมื่นลบ. ขณะที่กระแสเงินทุนไหลเข้าหาตลาดหุ้นจีนและฮ่องกงสถาบันในประเทศพลิกมาซื้อสุทธิในตลาดหุ้น 403 ลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิในตลาดหุ้นต่อเนื่องเป็นวันที่ 4 อีก 963 ลบ. (และ Short Index Futures อีก 4.3 พันสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index จะยังแกว่งตัว Sideways โดยยังมีแนวรับระยะสั้นบริเวณ 1,440+- จุด ภาพรวมตลาดยังไม่มีปัจจัยใหม่ที่ชัดเจนเข้ามากระตุ้น ล่าสุด Comment ของประธาน FED ระบุว่าจะยังไม่เร่งลดดอกเบี้ยโดยขึ้นอยู่กับตัวเลขเศรษฐกิจที่จะทยอยออกมา ทำให้ตลาดเริ่มไม่มั่นใจว่าจะเห็นการลดดอกเบี้ยครั้งละ 50 bps ในเดือน พ.ย. หรือ ธ.ค. หรือไม่โดยตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญที่ตลาดรอติดตาม ได้แก่ ISM ภาคการผลิตและ Job Openings คืนนี้ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน ก.ย. ช่วงปลายสัปดาห์ ส่วน ปัจจัยในประเทศเรายังให้น้ำหนักและความคาดหวังเชิงบวกต่อนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจจาก รัฐบาลที่จะทยอยออกมาทั้งระยะสั้นและระยะยาว คาดช่วยหนุนให้ดัชนีทยอยไต่ระดับขึ้นได้ต่อเนื่องใน 4Q24-2025 โดยระยะสั้นคาดเริ่มทยอยเห็นผลบวกจากการแจกเงินหมื่นเฟสแรก 1.45 แสนล้าน ส่วนเฟส 2 รอความชัดเจนทั้งเงื่อนไขและจำนวนเงินในการแจกจากคณะกรรมการฯ ด้าน Downside ของดัชนีเราคาดว่าจะไม่ปรับตัวลงลึกโดยมีเม็ดเงินใหม่จากกองทุนวายุภักษ์ 1 เข้ามาช่วยประคองเริ่มตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

กลยุทธ์ : เน้นลงทุนหุ้น Domestic Play ที่มีแนวโน้มกำไร 2H24-2025 แข็งแกร่ง // ส่วนที่สะสมในช่วงก่อนหน้ายังถือลงทุนต่อเนื่องระยะกลาง-ยาว

หุ้นเด่นเดือน ก.ย.: BDMS, CPALL, ICHI, MTC, NSL

FSSIA Portfolio: AOT, CHG, CPALL, CPN, GPSC, KCG, KTB, MTC, NSL, SHR, TU

หุ้นเด่น Finansia 1 ต.ค. 24 : BBL

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 184 บาท
  • เราคาดว่า BBL จะเป็นหนึ่งในธนาคารที่ได้ประโยชน์มากที่สุดจากการลงทุนรอบใหม่ตามภาวะเศรษฐกิจที่เร่งตัวจากนโยบายของรัฐบาล รวมถึงงบประมาณที่ไม่ล่าช้าเหมือนปีก่อน และเราคาดว่ากนง.จะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมเดือน ต.ค. 
  • จุดเด่นของ BBL คือ Valuation ที่ยังถูกมาก ปัจจุบันเทรด PBV เพียง 0.5 เท่า ต่ำสุดในกลุ่มธนาคาร และให้ Dividend Yield เกือบ 5% ต่อปี โดยคาดเป็นหนึ่งในเป้าหมายลงทุนของกองทุนวายุภักษ์
  • แนวรับ 148//146-145 บาท แนวต้าน 153-155//159.50 บาท

Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาคหนาแน่น US$2,453 ล้าน นำโดยไต้หวันและเกาหลีใต้ US$1,401 ล้านและ US$799 ล้าน ตามลำดับ ส่วนฝั่งอาเซียนเม็ดเงินไหลออกสูงสุดที่อินโดนีเซีย US$205 ล้าน และมีเพียงฟิลิปปินส์ที่ไหลเข้าบางๆ โดยมี Sentiment กดดันจากตลาดหุ้นญี่ปุ่นที่ร่วงแรง ขณะที่เม็ดเงินไหลเข้าหาตลาดหุ้นจีนและ ฮ่องกง แนวโน้มกระแสเงินทุนคาดว่ายังค่อนไปในทิศทางไหลออกหลัง Comment ของ Powell สะท้อนว่า FED อาจยังไม่เร่งลดดอกเบี้ย โดยขึ้นอยู่กับตัวเลขเศรษฐกิจระยะถัดไป

ประเด็นสำคัญวันนี้

(+) กลุ่มโรงไฟฟ้า 8 ต.ค. นี้ การไฟฟ้าออกประกาศรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนใน รูปแบบ Feed-in Tariff ปี 2565-2576 จำนวน 2,180 MW แบ่งเป็นพลังานลม ไม่เกิน 600MW และ 1,580 MW เป็นพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน และคาดจะทราบผลุการประมูล 37 วันนับจากวันออกประกาศ หรือประมาณสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนพ.ย. 2567 เราเชื่อว่า GULF GUNKUL GPSC EA BGRIM RATCH น่าจะมีโอกาสชนะประมูลในรอบนี้ โดยเฉพาะโรงไฟฟ้าพลังงานลมจะได้ผลตอบแทนจากการลงทุนที่ดีกว่าพลังงานแสงอาทิตย์

(+) SCB SCBX ขายหุ้นทั้งหมดใน Robinhood มูลค่า 2 พันลบ. ให้กับกลุ่มยิบอินซอย เรามองบวกต่อดีลนี้ แม้ช่วงสันจะเห็นผลกระทบต่อกำไรสุทธิ 3024 เนื่องจาก SCB ต้องบันทึก 3Q24 เนื่องจากค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งหมดทันทีใน 3Q24 ราว 800-900 ลบ, โดยเบื้องต้นคาดกำไรสุทธิ 3024 ที่ 1.04 หมื่นลบ. +4.1% q-q และ +7.9% y-y ต่ำกว่าเดิมที่เคยคาดไว้ก่อนหน้านี้ที่ 1.15 หมื่นลบ. ขณะที่ผลบวกระยะยาวที่เห็นคือ ผลการดำเนินงาน 4Q24 และปี 2025 จะไม่ถูกกดดันจากผลการดำเนินงานที่เป็นขาดทุนของ Robinhood App อีกต่อไป คงประมาณการกำไรและราคาเป้าหมาย 112 บาท ยังแนะนำ “ถือ” รับปันผลราว 9.0-9.8% ต่อปี

(-) SCGP แนวโน้มกำไร 3Q24 น่าจะลดลงทั้ง q-q, y-y แม้ความต้องการใช้กระดาษในประเทศยังแข็งแกร่ง แต่มีหลายปัจจัยกดดัน อาทิ คาด Fajar 3Q24 จะขาดทุนใกล้เคียงกับ 2Q24 และหลังการเข้าซื้อหุ้นทั้งหมดใน Fajar ด้วยเงินสดและเงินกู้บางส่วน ทำให้ต้องรับรู้ผลขาดทุนจาก Fajar ตามสัดส่วนและดอกเบี้ยจ่ายที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังคาด margin ใน 3Q24 แคบลงหลังต้นทุนกระดาษ recycle เพิ่มขึ้นในช่วง 2Q24 ขณะที่ราคาขาย packaging paper ปรับขึ้นจาก demand ในจีนที่ฟื้นตัวช้า คาดแนวโน้ม 4Q24 น่าจะฟื้นตัวตามฤดูกาลและตันทุนกระดาษ recycle ปรับลง ขณะที่ประมาณการกำไรทั้งปี 2024 ของเราอาจค่อนข้างสูง อย่างไรก็ตาม เรายังคงราคาเป้าหมาย 39 บาท และแนะนำ “ซื้อ” จากแนวโน้มการเติบโตระยะยาว

(+) หุ้นเป้าหมายกองทุนวายุภักษ์ 1 ระบุให้ผลตอบแทน 3-9% ระยะเวลาลงทุน 10 ปี เราคัดเลือกหุ้นที่คาดว่าจะเป็นเป้าหมายโดยอ้างอิง หุ้นที่มี ESG Rating A ขึ้นไปสำหรับ SET100และ AA ขึ้นไปสำหรับหุ้นนอก SET100 โดยเน้นหุ้นที่มี Dividend Yield ราว 3% หรือสูงกว่าหรือหุ้นเติบโตดี (Dividend Yield อาจไม่ถึง 3%) ได้แก่ ADVANC AP BAM BBL BCH BDMS BJC CPALL CPN HMPRO ICHI INTUCH KBANK KTB MEGA MINT OSP SC SIRI TISCO WHA WHAUP PR9 DIF 3BBIF TFFIF AIMIRT CPNREIT LHHOTEL LHSC WHAIR

(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 17.15 จุด หรือ +0.04% ปิดที่ 42,330.15 จุด โดยดาวโจนส์และ S&P500 ต่างก็ดีดตัวขึ้นปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากดัชนีอ่อนแรงลงในระหว่างวัน ภายหลังจากเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ส่งสัญญาณว่า เฟดไม่รีบร้อนในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยขณะที่นักลงทุนจับตาข้อมูลแรงงานของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟดก่อนสิ้นปีนี้

(-) ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ โดยหุ้นกลุ่มรถยนต์นำตลาดร่วงลง หลังจากบริษัทสเตลแลนดิส (Stellantis) และโฟล์คสวาเกน (Volkswagen) ประกาศเตือนเกี่ยวกับผลกำไร แม้ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในเดือนก.ย.และในไตรมาส 3 ก็ตาม

(0) ตลาดหุ้นเอเชียเปิดผสม หลังประธานเฟดให้สัญญาณว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในรอบหลังจากนี้ จากไม่ได้มีขนาดเทียบเท่ากับการปรับลด 50 bp ในเดือน ก.ย.

(0) ค่าเงินบาททรงตัว อยู่ที่บริเวณ 32.42 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ +0.05%

(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 1 เซนต์ หรือ 0.01% ปีดที่ 68.17 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่ดิ่งลงอย่างหนักเมื่อพิจารณาตลอดเดือนก.ย.และตลอดไตรมาส 3/2567 เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะชะลอตัวของอุปสงค์น้ำมันทั่วโลกได้บดบังปัจจัยบวก จากแนวโน้มอุปทานน้ำมันตึงตัว อันเนื่องมาจากสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง ในขณะที่เช้านี้บวกอยู่ที่ระดับ 68.22 ดอลลาร์/บาร์เรลหรือ +0.07%

(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 8.70 ดอลลาร์ หรือ 0.33% ปิดที่ 2,659.40 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยตลาดถูกกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์ และจากการที่เจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ส่งสัญญาณว่า เฟดไม่รีบ ร้อนในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ในขณะที่เช้านี้ลบอยู่ที่ระดับ 2,657.50ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ -0.07%

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 871.94/ –

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

1 ต.ค.ยูโรโซน: เงินเฟ้อ (ก.ย.)

สหรัฐ: ISM Manufacturing PMI (ก.ย.), JOLT Job Quits (ส.ค.)

2 ต.คประชุมกลุ่ม OPEC+
3 ต.คสหรัฐ: ISM Services PMI (ก.ย.)
4 ต.คสหรัฐ: Non-Farm Payrolls (ก.ย.), Unemployment rate (ก.ย.)
7 ต.ค.ไทย: เงินเฟ้อ (ก.ย.)

 

- Advertisement -