การสู้รบในตะวันออกกลาง กดดันบรรยากาศการลงทุน

Market Update

ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดลบ 0.4% เนื่องจากนักลงทุนกังวลกับสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง หลังมีรายงานว่าอิหร่านยิงขีปนาวุธถล่มอิสราเอล ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดบวก 2.6% แรงหนุนความตึงเครียดในตะวันออกกลาง

Market Outlook

เมื่อคืนตลาดหุ้นทั่วโลกกลับมาปรับฐานไม่ว่าจะเป็นยุโรปและสหรัฐฯ รับแรงกดดันจากสถานการณ์การสู้ระรบระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน ส่งผลให้ดัชนีวัดความกลัวของนักลงทุน (Vix Index) ปรับตัวขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ พร้อมกับราคาทองคำที่ปรับขึ้นเช่นกัน สอดคล้องกับน้ำมันดิบที่ฟื้นตัวขึ้นมาเช่นกัน ส่วนตลาดหุ้น S&P500 ได้แรงหนุนหลักจากกลุ่มน้ำมัน (+2.2%) โดยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ เมื่อคืนที่ผ่านมาผสมผสานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (ISM PMI) รายงานที่ 47.2 แย่กว่าที่ Bloomberg Consensus คาดการณ์ไว้ แต่ตำแหน่งเปิดรับสมัครงานอยู่ที่ 8 ล้าน ดีกว่าที่ Bloomberg Consensus คาดไว้ที่ 7.6 ล้านตำแหน่ง ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯเริ่มพลิกฟื้นขึ้นมาบ้าง โดย CME FED Watch กลับมาให้น้ำหนักราว 62.7% ที่ FED จะลดดอกเบี้ยเพียง 0.25% ในการประชุมกลางเดือน พ.ย. ซึ่งอาจเป็นเรื่องที่ดี เพราะอย่างน้อยก็คลายกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังไปได้แค่เป็นลักษณะชะลอตัวลงบ้าง เพราะบางทีการที่คาดหวังลดดอกเบี้ยมากถึง 0.50% อาจเป็นสัญญาณชี้ถึงการอ่อนแรงของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ด้านปัจจัยในประเทศยังไม่มีอะไรมีนัยยะสำคัญ แต่วานนี้เป็นวันแรกที่กองทุนวายุภักษ์กำหนดลงทุนในตลาดหุ้นไทย มีสิ่งน่าติดตามคือการกลับมาซื้อสุทธิของนักลงทุนสถาบันวานนี้ยอดซื้อสุทธิอยู่ที่ 3.4 พันล้านบาท นับเป็นการซื้อสุทธิที่สูงสุดในรอบ 18 วันทำการ กลุ่มที่ Outperform สุด ได้แก่ บรรจุภัณฑ์ (+3.3%) Elec (+2.7%) โรงแรม (+2%) สื่อสาร (+1.7%) ซึ่งส่วนใหญ่แล้วกลุ่มที่ Outperform วานนี้เป็นกลุ่มที่ปรับลงแรงในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา และหุ้นใน SET100 ที่ปรับขึ้น Outperform ก็เป็นหุ้นที่ปรับลงแรงในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาเช่นกัน (CRC MINT HANA BGIRM) คืนนี้รอติดตามการจ้างงานภาคเอกชนจากสถาบัน ADP Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 1.24 แสนราย และสต็อกน้ำมันดิบ Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ลดลง 1.5 ล้านบาร์เรล

วันนี้ประเมิน SET เสี่ยงปรับฐานลงในกรอบ 1450 – 1470 รับแรงกดดันจากสงครามและบรรยากาศเอเชียวันนี้ที่เป็นลบ (Nikkei -1.3%), Kospi (-1.2%) เชิงกลยุทธ์การลงทุนนักลงทุนระยะสั้นยังแนะทยอยลดพอร์ตเพราะ Valuation เริ่มไม่ถูก และดัชนีก็สะท้อนปัจจัยบวกต่างๆ ไปมากแล้ว อย่างไรก็ตาม ระยะสั้นแนะเก็งกำไรในกลุ่มน้ำมัน (PTTEP) โรงกลั่น (BCP SPRC TOP) แรงหนุนน้ำมันปรับขึ้นจากปัจจัยสงคราม

หุ้นแนะนำซื้อวันนี้

PTTEP (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 181.00 บาท)

ปัจจัยหนุนราคาน้ำมันปรับขึ้นระยะสัน โดยรายงานกำไรสุทธิใน 2Q24 ที่ 2.4 หมื่นล้าน (+14%YoY, +28%QoQ) มากกว่าที่เราและตลาดคาด โดยปริมาณการขายเพิ่มขึ้นเป็น 507 KBOED (+14%YoY, +7%QoQ) เนื่องจากการผลิตก๊าซจากแหล่งเอราวัณปรับสูงขึ้น (ราคาขายเฉลี่ยต่ำกว่าแบบสัมปทานเดิม) และ Algeria HBR ที่ปริมาณการขายเพิ่มขึ้น ในขณะที่ราคาเฉลี่ย (ASP) อยู่ที่ 47 US$/BOE (+3%YoY, -1%QoQ) ตามราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น

TU (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 18.30 บาท)

ช่วง 2H24 ในแง่รายได้คาดยังเติบโตได้ดีในทุกธุรกิจ เพราะเข้าสู่ช่วง High Seasons ของการส่งออกแล้ว รวมถึงจะเริ่มเห็นผลดีจากการทำการตลาดสำหรับสินค้าแบรนด์ของ TU เองที่เริ่มมาตั้งแต่ต้นปี ขณะที่ธุรกิจอาหารแช่แข็งจะเป็นการเทียบกับฐานเดียวกันแล้ว ด้านกำไรขั้นต้นคาดยังรักษาระดับสูงได้ต่อ หลังจากราคาทูน่าปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่เคยคาดไว้ (เดิมเคยคาดทั้งปีอยู่ที่มากกว่า 1,600 เหรียญฯ/ตัน เหลือต่ำกว่า 1,500 เหรียญฯ/ตัน)

- Advertisement -