บล.ทรีนีตี้:

เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส – JMT กำไร 3Q64 ทำ New High 

  • กำไร 3Q64 อยู่ที่ 352 ล้านบาท ดีขึ้น 22% QoQ และ 24% YoY ทำ New High 
  • รายได้จากการให้บริการติดตามหนี้อ่อนตัวลง หลังสถาบันการเงินให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ ทำให้มูลหนี้ที่รับติดตามลดลง
  • อย่างไรก็ตาม รายได้จากลูกหนี้ที่รับซื้อปรับตัวดีขึ้นมากหลังยอดจัดเก็บเพิ่มขึ้น เป็นระดับ New High อีกทั้งยังได้ผลบวกจากหนี้ที่ตัดต้นทุนหมดใน 2Q64 ด้วย
  • แนวโน้มธุรกิจประกันยังไม่ดีขึ้น แม้เบี้ยประกันรับเพิ่ม แต่มีค่าใช้จ่ายจากประกันโควิดเข้ามา
  • มองแนวโน้ม 4Q64 ดีต่อเนื่อง หลังการเปิดเมืองจะทำให้กระแสเงินสดจากการจัดเก็บดีขึ้น ส่วนปี 65 เป้าการซื้อหนี้ที่เร่งตัวจะหนุนรายได้และกำไร
  • ให้ราคาเป้าหมายปี 2565 ที่ 56 บาท ปรับคำแนะนำเป็น “ถือ”

กำไร 3Q64 ทำ New High 

JMT ประกาศกำไร 3Q64 ที่ 352 ล้านบาท ดีขึ้น 22% QoQ และ 24% YoY เป็น New High รายไตรมาส และดีกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้าเล็กน้อยราว 6% โดยรายได้จากการให้บริการติดตามหนี้อ่อนตัวลง 16% QoQ หลังสถาบันการเงินมีนโยบายช่วยเหลือลูกหนี้ ทำให้มูลหนี้ได้รับติดตามลดลง อย่างไรก็ตาม รายได้จากลูกหนี้ที่รับซื้อปรับตัวเพิ่มขึ้นค่อนข้างมากถึง 18% QoQ หลังยอดจัดเก็บมีแนวโน้มดีขึ้นราว 27% QoQ มาอยู่ที่ 1.2 พันล้านบาท ซึ่งเป็นยอดจัดเก็บระดับ New High รายไตรมาสเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ยังได้ผลบวกจากการตัดต้นทุนของหนี้ครบใน 2Q64 ทำให้สามารถรับรู้รายได้เพิ่มขึ้นด้วย ด้านธุรกิจประกันแม้ว่าจะมีเบี้ยรับเพิ่มขึ้นราว 42% QoQ แต่ค่าใช้จ่ายในการรับประกันภัยเพิ่มขึ้นราว 47% QoQ จากค่าสินไหมของประกันโควิด ทำให้ภาพรวมธุรกิจประกันยังไม่ดีขึ้น ด้านต้นทุนในการให้บริการและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานปรับตัวเพิ่มขึ้นตามการขยายธุรกิจ ทั้งในส่วนของค่าใช้จ่ายพนักงาน ค่าเสื่อม ทำให้แม้รายได้รวมปรับตัวขึ้น แต่อัตรากำไรยังค่อนข้างทรงตัว

คาด 4Q64 จะดีต่อเนื่อง

เราคาดแนวโน้มกำไร 4Q64 จะดีขึ้นต่อเนื่อง QoQ หลังผ่านสถานการณ์ระบาดและปิดเมืองใน 3Q64 ไปแล้ว ซึ่งคาดว่าจะทำให้กระแสเงินสดจากการติดตามหนี้ทั้งในส่วนที่เป็นบริการติดตามหนี้และลูกหนี้ที่รับซื้อปรับตัวดีขึ้น ในด้านของการซื้อหนี้คาดจะเห็นการเร่งตัวใน 4Q64 ซึ่งเป็นปกติตามฤดูกาลที่สถาบันการเงินมักนำหนี้ออกมาขายมากขึ้นในช่วงปลายปี สอดคล้องกับที่ บริษัทจะได้เงินเพิ่มทุนเข้ามาในช่วงปลายปีเช่นกัน สำหรับแนวโน้มปี 65 ทางบริษัทจะเพิ่มเป้าการซื้อหนี้เป็นราว 1.5 หมื่นล้านบาทจากปี 64 ที่ตั้งเป้าไว้ที่ 7 พันล้านบาท ถึง 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะทำให้สามารถรับรู้รายได้และกำไรได้เพิ่มขึ้นจากฐานหนี้ใหม่

ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างร้อนแรง

เราคงราคาเป้าหมายปี 2565 ที่ 56 บาท อิงวิธี DCF ด้วยราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างร้อนแรง ทำให้ Upside ค่อนข้างจำกัด อย่างไรก็ตาม แนวโน้มการเติบโตธุรกิจระยะยาวยังดี เราจึงแนะนํา “ถือ”

ความเสี่ยง: สภาวะเศรษฐกิจอาจส่งผลต่ออัตราการจัดเก็บหนี้และกระแสเงินสด และในกรณีที่การซื้อหนี้ของบริษัททำได้ต่ำกว่าที่เราประมาณการไว้ ซึ่งอาจมีผลต่อกระแสเงินสด

- Advertisement -