บล.ทรีนีตี้:

เจริญโภคภัณฑ์อาหาร – CPF คาดกำไร 3Q64 อ่อนตัว ราคาสัตว์บกในหลายประเทศกดดัน

  • ประกาศขาดทุนสุทธิ 3Q64 ที่ 5,374 ล้านบาท หากไม่นับรวมรายการพิเศษจะมีขาดทุนปกติราว 3,750 ล้านบาท
  • อัตรากำไรหดตัวลงอย่างมากจากราคาสัตว์บกในหลายประเทศที่อ่อนตัว หลังการบริโภคเนื้อสัตว์ได้รับผลกระทบจากช่วงโรคระบาด
  • และยังต้องบันทึกขาดทุนจากการวัดมูลค่าสินทรัพย์ชีวภาพในหลายประเทศ
  • คาดแนวโน้ม 4Q64 แม้จะมีการเปิดเมือง ทำให้ราคาสัตว์บกอาจฟื้นตัวได้บ้าง แต่ต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้นอาจเป็นปัจจัยกดดันต่อ โดยอาจต้องรอลุ้นผลกำไรจากการขายหุ้น MAKRO มาช่วยหนุน
  • ปรับลดประมาณการกำไรปี 64-65 ลง
  • ให้ราคาเป้าหมายใหม่ 23 บาท พร้อมปรับคำแนะนำเป็น “ขาย”

3Q64 ขาดทุนหนัก หลังราคาสัตว์บุกในหลายประเทศอ่อนตัว

CPF ประกาศขาดทุนสุทธิสำหรับ 3Q64 ที่ 5,374 ล้านบาท หากไม่นับรวมรายการพิเศษจะมีขาดทุนจากการดำเนินงานปกติอยู่ที่ 3,750 ล้านบาท ต่ำกว่าที่เราคาดก่อนหน้าว่าจะมีกำไรสุทธิ 2,278 ล้านบาท และกำไรปกติ 1,111 ล้านบาท มากโดยในไตรมาสนี้ยอดขายรวมอาจอ่อนตัวไม่มากราว 3% QoQ แต่อัตรากำไรขั้นต้นย่ำแย่ลงอย่างมากจาก 16.4% ในไตรมาสก่อนเหลือราว 8.8% ซึ่งเป็นผลจากราคาสัตว์บกในหลายประเทศที่อ่อนตัวลงอย่างมาก หลังการบริโภคลดลงในช่วงการระบาด นอกจากนี้ ยังมีส่วนแบ่งขาดทุนจากบริษัทร่วม 1,266 ล้านบาท ซึ่งโดยหลักเป็นผลจากธุรกิจหมูในจีนที่ได้รับผลกระทบจากราคาที่อ่อนตัวลงอย่างมาก ทำให้มีขาดทุนจากการดำเนินงาน อีกทั้งยังต้องบันทึกผลขาดทุนจากการวัดมูลค่าสินทรัพย์ชีวภาพด้วย เช่นเดียวกับราคาหมูในไทยและเวียดนามที่อ่อนตัวลง ซึ่งทำให้มีการบันทึกผลขาดทุนจากการวัดมูลค่าสินทรัพย์ชีวภาพราว 3,262 ล้านบาทในงบการเงินรวมด้วย

อาจยังไม่ฟื้นตัวใน 4Q64 ลุ้นกำไรพิเศษมาช่วยหนุน

เราคาดว่าราคาสัตว์บกทั้งในไทยและต่างประเทศอาจฟื้นตัวได้บ้างใน 4Q64 หลังจากสถานการณ์การระบาดของโรคเริ่มดีขึ้น แต่จะยังไม่กลับมาดีเหมือนในช่วงต้นปี แต่ในด้านต้นทุนอาหารสัตว์อาจได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติ และการเก็งราคาวัตถุดิบทำให้ต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้นเป็นปัจจัยกดดันต่อ ทำให้เราคาดว่ากำไรปกติใน 4Q64 จะยังไม่ฟื้นตัว แต่อาจไม่มีผลกระทบจากขาดทุนจากการวัดมูลค่าสินทรัพย์ชีวภาพเช่นใน 3Q64 และอาจมีกำไรพิเศษจากการขายหุ้น MAKRO ในการทำ PO มาช่วยหนุนได้บ้าง อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์ราคาสัตว์บกและต้นทุนวัตถุดิบยังไม่มีแนวโน้มดีขึ้น อาจกระทบต่อเนื่องไปจนถึงปี 65 ทำให้เราปรับลดประมาณการกำไรปี 64-65 ลงราว 63% และ 54% จากประมาณการก่อนหน้ามาอยู่ที่ 7,550 ล้านบาท และ 11,068 ล้านบาท ตามลำดับ โดยภายหลังการประชุมนักวิเคราะห์และได้แนวโน้มธุรกิจมาเพิ่มเติม เราอาจมีการปรับประมาณการอีกครั้งหนึ่ง

แนะนำ “ขาย” แนวโน้มธุรกิจยังไม่สดใส

ด้วยแนวโน้มธุรกิจหลักที่อ่อนตัวระยะสั้น และอาจต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า ทำให้เราแนะนำให้ระมัดระวังในการลงทุน ปรับคำแนะนำจาก “ถือ” เป็น “ขาย” โดยจากการปรับประมาณการทำให้เราให้ราคาเป้าหมายใหม่ปี 65 ที่ 23 บาท อิง PBV 1 เท่า

ความเสี่ยง: การระบาดของ COVID ระลอกใหม่ / ต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้น

- Advertisement -