ผู้ถือหุ้น AQUA ไฟเขียวอนุมัติการแจก Warrant พร้อมมุ่งขยายต่อยอดการลงทุนเพื่อการเติบโตระยะยาว
บริษัท อควา คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AQUA ได้รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยถึงมติการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2567 ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2567 เวลา 14.00 น. ณ ห้องประชุมชั้น 21 อาคารอาร์เอสทาวเวอร์ โดยมีมติสำคัญหลายประการ ดังนี้
ในที่ประชุมได้แจ้งให้ทราบและขออนุมัติการปรับปรุงงบแสดงฐานะการเงินและงบกำไรขาดทุนประจำปี 2566 อันเป็นผลจากการปรับปรุงรายการทางการเงินย้อนหลังในส่วนของการลงทุนในบริษัทร่วม (TPL) โดยล่าสุดบริษัทได้ซื้อหุ้นสามัญใน TPL เพิ่ม ทำให้สัดส่วนการถือหุ้นเพิ่มขึ้นเป็น 21.51% ของหุ้นที่ออกและชำระแล้ว ส่งผลให้บริษัทฯ ต้องเปลี่ยนการจัดประเภทสินทรัพย์จาก “สินทรัพย์ทางการเงินที่วัดมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จอื่น” เป็น “เงินลงทุนในบริษัทร่วม”
ที่ประชุมยังได้อนุมัติการออกและเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิในการซื้อหุ้นสามัญ (AQUA-W4) จำนวน 2,856,228,594 หน่วย รวมถึงการลดทุนจดทะเบียนจำนวน 2,364,982,276.50 บาท โดยการตัดหุ้นที่ยังไม่ได้ออกและจำหน่าย 4,729,964,553 หุ้น เพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดของตลาดหลักทรัพย์ฯ
นอกจากนี้ ยังได้อนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทจาก 2,856,228,593.50 บาท เป็น 3,820,285,742 บาท โดยออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 1,928,114,297 หุ้น เพื่อรองรับการออกใบสำคัญแสดงสิทธิ AQUA-W4 และเสนอขายให้กับ (ก) ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วน (Rights Offering) ในอัตรา 2 หุ้นสามัญต่อใบสำคัญแสดงสิทธิ 1 หน่วย โดย W4 มีอายุ 2 ปี ผู้ถือใบสำคัญแสดงสิทธิสามารถใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญในอัตรา 2 ใบสำคัญแสดงสิทธิ ต่อ 1 หุ้นสามัญ ที่ราคาหุ้นละ 0.70 บาท (ข) เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) ตามมติ General Mandate จำนวน 500,000,000 หุ้น ในราคาที่ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 90 ของราคาตลาด และไม่ต่ำกว่า 0.38 บาทต่อหุ้น
ที่ประชุมยังได้อนุมัติแต่งตั้งนายกฤษฎา พฤติภัทร เป็นกรรมการใหม่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ โดยนายกฤษฎามีคุณสมบัติและประสบการณ์ที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินงานของบริษัท
ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัทฯ มีความเห็นว่า “การเพิ่มทุนครั้งนี้จะช่วยสนับสนุนการขยายตัวของบริษัท เสริมสร้างความมั่นคงทางการเงิน เพิ่มสภาพคล่อง รองรับการลงทุนในโครงการใหม่ๆ ลดภาระหนี้สิน และส่งเสริมการเติบโตของมูลค่าหุ้น สร้างผลตอบแทนที่ดีขึ้นให้กับผู้ถือหุ้นในระยะยาว”