‘ปรีชา กรุ๊ป’ ครบรอบ 50 ปี จุดเริ่มต้นจากบ้าน สู่การเติบโตอย่างยั่งยืน ผนึกพันธมิตรธุรกิจชั้นนำเพื่อสร้างความแข็งแกร่งทุกมิติร่วมกัน ลุยเปิด 3 โครงการใหม่ส่งท้ายปี บ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม บ้านพักตากอากาศ
PRECHA ก้าวสู่ทศวรรษที่ 5 เดินหน้าสู่ยุคใหม่ด้วยวิสัยทัศน์ ‘บ้านคือจุดเริ่มต้น สู่การเดินทางที่ยั่งยืน’ ตอกย้ำด้านคุณภาพและความแข็งแรงที่ยึดเป็นมาตรฐานของบริษัทมาอย่างยาวนาน ต่อยอดด้วยงานดีไซน์ที่เข้ากับยุคสมัย พร้อมจับมือพันธมิตรทางธุรกิจชั้นนำระดับประเทศ เต็มเติมความหมายของการอยู่อาศัยในทุกมิติด้วยความยั่งยืน เร่งเปิดโครงการปิดท้ายปีมังกร 3 โครงการ มูลค่า 1,000 ล้านบาท ตอบโจทย์ทุกเซกเมนต์
คุณฐนนท์ศรณ์ เลิศฤทธิ์ศิริกุล กรรมการผู้อำนวยการ บมจ. ปรีชา กรุ๊ป หรือ PRECHA เปิดเผยว่า บริษัทได้ดำเนินธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ จนก้าวสู่การเป็นบริษัทชั้นนำของเมืองไทย โดยได้รับการยอมรับจากลูกค้าในประเภทโครงการแนวราบที่บริษัทได้สั่งสมชื่อเสียงมาอย่างยาวนาน รวมถึงการพัฒนาโครงการแนวสูง คอนโดมิเนียมในเมือง บนทำเลศูนย์กลางธุรกิจเพื่อตอบสนองทุกความต้องการได้อย่างสมบูรณ์แบบ
เนื่องในโอกาสครบรอบ 50 ปีของบริษัทในปีนี้ จึงได้ประกาศวิสัยทัศน์การดำเนินงานในทศวรรษถัดไป ด้วยแนวคิด ‘บ้านคือจุดเริ่มต้น สู่การเดินทางที่ยั่งยืน’ สะท้อนการเติบโตทางธุรกิจเสมือนการสร้างบ้าน เริ่มต้นจากฐานรากที่ก่อร่างอย่างมั่นคง สู่โครงสร้างบ้านที่แข็งแกร่งอย่างยั่งยืน นับเป็นการก้าวสู่ทศวรรษใหม่ของบริษัทที่มุ่งมั่นพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อส่งมอบโครงการคุณภาพที่ลูกค้าไว้วางใจไปพร้อมกับความยั่งยืนทางธุรกิจและสิ่งแวดล้อม
“ความยั่งยืนเป็นสิ่งที่เราตระหนักมาโดยตลอดในการดำเนินงานมาตลอดครึ่งศตวรรษ จากนี้ไปการบริหารธุรกิจจะยึดโยงกับ BCG Model มากขึ้น ซึ่งเป็นกุญแจแห่งความยั่งยืนในการดำเนินธุรกิจ นำไปสู่หลักปฏิบัติด้าน ESG ที่ทำให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของปรีชากรุ๊ปในอีก50 ปี ถัดไปมองเห็นโอกาสใหม่ ช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน และสร้างผลตอบแทนในระยะยาวได้อย่างมั่นคง สอดรับกับความยั่งยืนของธุรกิจและเศรษฐกิจของประเทศ” คุณฐนนท์ศรณ์ กล่าว
ขณะเดียวกันบริษัทได้ร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อสร้างการเติบโตร่วมกันในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่มีศักยภาพในหลากหลายมิติ ได้แก่
บริษัท ที โอ เอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ สี TOA ผู้นำด้านสีที่ร่วมให้คำแนะเกี่ยวกับ การออกแบบ สี เทรนด์ และนวัตกรรมใหม่ที่ใช้ในโครงการ อาทิ สีสะท้อนความร้อนไร้สารเคมี เป็นต้น อีกทั้งให้คำแนะนำผู้รับเหมาของบริษัทตั้งแต่การทำงาน การตกแต่ง การซ่อมแซมโครงการด้วยนวัตกรรมสมัยใหม่ ทำให้ตอบสนองต่อปัญหาอย่างรวดเร็ว ถูกต้อง แม่นยำ โดยคำนึงถึงคุณภาพงานและสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ
ผลิตภัณฑ์กลุ่มสินค้าห้องน้ำ ห้องครัว และดิจิทัลล็อก แบรนด์ KUDOS (คูโดส) ภายใต้การบริหารของบริษัท ซี.ไอ.ที. จำกัด โดยมุ่งมั่นในการสร้างความสะดวกสบายและสวยงามแก่ที่อยู่อาศัยที่มาพร้อมความใส่ใจสิ่งแวดล้อมและเป็นมิตรต่อโลก โดยที่ผ่านมาได้นำร่องความร่วมมือในหลายโครงการของปรีชา กรุ๊ป ผ่านผลิตภัณฑ์รักษ์โลกของบริษัท อาทิ ก๊อกน้ำเซ็นเซอร์พลังงานน้ำที่สามารถผลิตไฟจากน้ำ ซึ่งเป็นพลังงานธรรมชาติโดยไม่ต้องใช้ไฟฟ้า โถปัสสาวะที่มีเทคโนโลยีเซ็นเซอร์ควบคุมการใช้น้ำ ช่วยลดการใช้พลังงาน โดยผลิตภัณฑ์ทุกชิ้น ถูกผลิตจากโรงงานที่ได้มาตรฐาน Green Factory ที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างมีประสิทธิภาพ
บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) ร่วมพัฒนาด้านพลังงานสะอาดสำหรับโครงการที่อยู่อาศัยด้วยโซลาร์ รูฟท็อป โดยเริ่มตั้งแต่การเลือกระบบ การออกแบบติดตั้งให้แก่ลูกค้าเพื่อลดการเจาะหรือผลกระทบจากการติดตั้ง ช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่โครงการในด้านสิ่งแวดล้อม และผู้อยู่อาศัยได้ประโยชน์จากการประหยัดพลังงานรวมถึงการลดภาระค่าใช้จ่าย
บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE ผู้นำโซลูชันด้านโครงข่ายเน็ตเวิร์ก ที่พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการเติมเต็มความสุขให้แก่ผู้อยู่อาศัยในทุกโครงการของปรีชา ทั้งในด้านความบันเทิง การติดต่อสื่อสาร รวมถึงการมอบสัญญาณคุณภาพและร่วมออกแบบวางระบบจุดกระจายสัญญาณในบ้านให้ครอบคลุม ตอบสนองความเป็น Smart Home ในยุคถัดไป
ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ร่วมเป็นพันธมิตรในด้านสินเชื่อทางการเงิน เพื่อให้คนไทยได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองได้ง่ายขึ้น ด้วยอัตราดอกเบี้ยต่ำ สามารถผ่อนชำระได้ตามความสามารถของลูกค้า หมดกังวลปัญหาด้านภาระทางการเงินสำหรับผู้ที่สนใจโครงการของปรีชา กรุ๊ป
นอกจากนี้บริษัทได้คำนึงถึงการสร้างผลตอบแทนที่ดีแก่บริษัทและนักลงทุน ผ่านกลยุทธ์สร้างการเติบโตร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจรายใหม่ โดยอยู่ระหว่างการหารือความร่วมมือกับโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ในด้านการดูแลสุขภาพและการให้บริการของโรงพยาบาลภายในเครือแก่ลูกค้าโครงการ และสวนนงนุช พัทยา ในการสนับสนุน และวางแผนการพัฒนาโครงการปรีชา เขาใหญ่ ด้วยการคัดสรรต้นไม้ที่ดูแลง่าย เหมาะสมกับพื้นที่พัฒนาโครงการ
ขณะที่สถานการณ์แนวราบ พบว่า ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา พฤติกรรมลูกค้าเกิดการปรับเปลี่ยนอย่างเห็นได้ชัดจากปัจจัยภาวะโรคระบาด มลภาวะด้านฝุ่น ทำให้เกิดการเลือกซื้อที่อยู่อาศัยแนวราบมากขึ้น เนื่องจากมีความต้องการพื้นที่และฟังก์ชันที่ตอบโจทย์ อีกทั้งราคาที่ดิน ต้นทุนวัสดุก่อสร้างและแรงงานปรับตัวสูงขึ้น บริษัทจึงเลือกแนวทางในการพัฒนาโครงการแนวราบในพื้นที่ศักยภาพส่วนขยายเมืองแทน โดยเลือกทำเลที่สะดวก ด้านคมนาคม คุมงบประมาณที่สร้างความคุ้มค่าในแต่ละมิติ ควบคู่กับความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อม ผสานความโดดเด่นด้านดีไซน์ ฟังก์ชันการใช้งาน และคุณภาพด้านการก่อสร้างที่แข็งแรง เพื่อให้เกิดความคุ้มค่ามากที่สุดสำหรับผู้อยู่อาศัย โดยในปี 2567 บริษัทได้เปิด 3 โครงการใหม่ มูลค่าราว 1,000 ล้านบาท โดยมี 2 โครงการแนวราบ มูลค่า 700 ล้านบาท ได้แก่
โครงการปรีชาราม 3 กรุงเทพกรีฑาตัดใหม่ บ้านเดี่ยว 3 ชั้นสไตล์ลาสชูรี่ จำนวน 10 ยูนิต ขนาดที่ดินเริ่มต้น 60 ตารางวา ฟังก์ชั่น 4 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ 4 ที่จอดรถ พร้อมลิฟต์ส่วนตัวและห้องแม่บ้าน ถนนกว้าง 12 เมตร ราคาเริ่มต้น 18.9 ล้านบาท
โครงการไพร์มทาวน์ บางบัวทอง ทาวน์โฮมสไตด์โมเดิร์น 2 ชั้น จำนวน 199 ยูนิต ทำเลบางบัวทอง ตอบรับการขยายและเชื่อมต่อเมืองนนทบุรี นครปฐม ปทุมธานี และกรุงเทพฯ กับฟังก์ชั่น 2 และ 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถลงเสาเข็ม และหลังบ้านลงเสาเข็มรองรับการต่อเติม ทั้งนี้โครงการได้คำนึงถึงด้านสิ่งแวดล้อมและลดค่าภาระค่าใช้จ่ายด้านไฟฟ้า จึงได้ทำการติดตั้งระบบโซล่ารูฟท็อปขนาด 3.24 กิโลวัตต์ทุกยูนิต และฟรีสัญญาณอินเตอร์เน็ต 3 ปี ส่วนกลาง 3ปี ทุกหลังคาเรือน ราคาเริ่มต้น 2.39 ล้านบาท เตรียมเปิดรอบพิเศษ 23 ตุลาคม โอนกรรมสิทธิ์เฟสแรกปลายปี 2567
สุดท้าย โครงการ ปรีชาเขาใหญ่ บ้านพักตากอากาศ มูลค่าโครงการประมาณ 350 ล้านบาท เจาะกลุ่มลูกค้าที่ต้องการบ้านใหม่ ครอบครัวขยาย เน้นคุณภาพ และความคุ้มค่าด้วยวัสดุที่ทันสมัยท่ามกลางการอยู่อาศัยด้วยบรรยายธรรมชาติโอบล้อม
“ทุกโครงการของปรีชา กรุ๊ป เรามีทีมวิจัยเพื่อประเมินความต้องการของลูกค้าในทุกด้าน ตั้งแต่ทำเลที่ตั้ง งานโครงสร้างและความแข็งแรงที่เป็นความเชี่ยวชาญมาอย่างยาวนานของบริษัท ตลอดจนจำนวนยูนิตที่เหมาะสมกับโครงการ ส่งผลให้ทุกโครงการที่เราเปิดตัว ถูกขายหมด 100% ในเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งเป็นข้อดีสำหรับการทำธุรกิจอสังหาฯในยุคนี้ที่เหมาะสมกับสภาพตลาด และสถานการณ์เศรษฐกิจ ทำให้สามารถรับรู้รายได้จากโครงการได้รวดเร็ว” คุณฐนนท์ศรณ์ กล่าวทิ้งท้าย