KS Daily View 07.10.2024 >>> SET index สัปดาห์นี้คาดว่าจะแกว่งตัวผันผวนในกรอบ 1,425-1,480 จุด ปัจจัยภายนอกจะมีความเสี่ยงเชิงลบ การลงทุนจากกองทุนวายุภักษ์จะช่วยพยุงตลาดได้ Top pick : MTC และ CPALL

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศ:

ดัชนี SET index สัปดาห์นี้คาดว่าจะแกว่งตัวผันผวนในกรอบ 1,425-1,480 จุด แม้ปัจจัยภายนอกจะมีความเสี่ยงเชิงลบ แต่การลงทุนจากกองทุนวายุภักษ์จะช่วยพยุงตลาดได้ ปัจจัยในประเทศที่ต้องติดตามคือรายงานตัวเลขเงินเฟ้อไทยเดือน ก.ย. ซึ่งคาดว่าจะเร่งขึ้นเป็น 0.74% YoY แต่ยังต่ำกว่ากรอบเป้าหมายของนโยบาย อาจเกิดแรงเก็งกำไรในกลุ่มการเงินก่อนการประชุม กนง. ในวันที่ 16 ต.ค.ปัจจัยต่างประเทศที่ต้องจับตามองคือความขัดแย้งในตะวันออกกลางและตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่คาดว่าจะลดลงเป็น 2.3% YoY และติดตามการเปิดเผยบันทึกที่ประชุม FOMC ในช่วงข้ามคืนวันพุธ ซึ่งอาจยืนยันแนวโน้ม Fed ลดดอกเบี้ยในอนาคตได้ จาก Fed watch tool ได้มีการเปลี่ยนแปลงโอกาสที่คาดว่าจะลดอัตราดอกเบี้ยจาก 50bps เป็น 25bps ในการประชุม FOMC ครั้งถัดไปหลังตัวเลขการจ้างงานเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาแข็งแกร่งกว่าที่คาด ธีมการลงทุนที่แนะนำ ได้แก่ เก็งกำไรการปรับลดดอกเบี้ยทั่วโลก มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ราคาพลังงานที่เพิ่มขึ้นจากความขัดแย้งในตะวันออกกลาง และค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง โดยหุ้นสำหรับพอร์ตการลงทุนในสัปดาห์นี้ เราแนะนำ MTC DELTA CPALL PTTEP CPF

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศ : ประเมินดัชนีวันนี้พักฐานในกรอบ SET index ที่ 1,430 – 1,450 จุด มองแนวโน้มหุ้นที่มีโอกาส outperform คือหุ้นที่คาดว่าจะมีผลประกอบการใน 3Q24 ที่แข็งแกร่ง และมี outlook ในปี 2025 ที่สดใส และคาดว่าความเสี่ยงด้านความขัดแย้งในตะวันออกกลางจะส่งผลทำให้ ต้นทุนน้ำมันมีโอกาสปรับตัวได้สูงกว่าที่คาดหากมีการปิดช่องแคบเฮอร์มุส และค่าเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนตัวมากขึ้นหลังจากลงไปแข็งค่าสุดที่ 32

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

1. กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 254,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 147,000 ตำแหน่ง หลังจากเพิ่มขึ้น 159,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. ส่วนอัตราการว่างงานปรับตัวลงสู่ระดับ 4.1% ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 4.2% และต่ำกว่าระดับ 4.2% ในเดือนส.ค.

2. FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 89.4% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.50-4.75% ในการประชุมเดือนพ.ย. หลังจากที่ให้น้ำหนักเพียง 67.9% เมื่อวานนี้ นอกจากนี้ นักลงทุนให้น้ำหนักเพียง 10.6% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% สู่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมเดือนพ.ย. หลังจากที่ให้น้ำหนัก 32.1% เมื่อวานนี้ภายหลังตัวเลขการจ้างงานออกมาแข็งแกร่ง

3. สำนักข่าว Mehr ของอิหร่านรายงานว่า ผู้บัญชาการทหารระดับสูงของอิหร่านรายหนึ่งเตือนว่า อิหร่านจะโจมตีโรงกลั่นน้ำมันและแหล่งก๊าซทั้งหมดของอิสราเอล หากอิสราเอลทำการตอบโต้อิหร่าน นอกจากนี้ ผู้นำสูงสุดของอิหร่านยังเรียกร้องให้ชาติต่างๆ นับตั้งแต่อัฟกานิสถานไปจนถึงเยเมน และอิหร่านจนถึงกาซาเตรียมพร้อมสำหรับการโจมตีศัตรู

4. การนัดหยุดงานที่ท่าเรือฝั่งตะวันออกและอ่าวของสหรัฐฯ สิ้นสุดลงแล้ว หลังจากที่สหภาพแรงงาน International Longshoremen’s Association และผู้ประกอบการท่าเรือ USMX บรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับการปรับขึ้นค่าแรง โดยจะเพิ่มขึ้นประมาณ 62% ในระยะเวลา 6 ปี ซึ่งจะทำให้ค่าแรงเฉลี่ยสูงถึง $63 ต่อชั่วโมงจากเดิม $39 ต่อชั่วโมง การประท้วงหยุดงานจะจบลงเร็วกว่าที่นักลงทุนคาดไว้ อัตราค่าระวางสินค้าคาดว่าจะไม่พุ่งสูงขึ้น แต่ยังมีเรือบรรทุกสินค้ากว่า 54 ลำที่ค้างอยู่ ซึ่งจะต้องใช้เวลาสักพักในการขนถ่ายของ ทำให้เกิดความล่าช้าในสินค้าหลายประเภท

5. สมาชิก EU จำนวน 10 ชาติลงมติสนับสนุนการเรียกเก็บภาษีรถยนต์ EV จีนสูงสุด 45% ขณะที่ 5 ชาติคัดค้าน และ 12 ชาติงดออกเสียง ทั้งนี้ EC ประกาศเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติม 7.8% ต่อรถยนต์ของบริษัทเทสลา และมากสุด 35.3% ต่อบริษัท SAIC และบริษัทอื่นๆ ที่ไม่ให้ความร่วมมือในการสอบสวนของ EC โดยอัตราภาษีดังกล่าวยังไม่รวมอัตราภาษีมาตรฐาน 10% ที่ EU เรียกเก็บจากรถยนต์นำเข้าจากจีน

หุ้นแนะนำวันนี้ Top pick:

  • MTC: ราคาพื้นฐานที่ 55.00 บาท
    เรายังคงมุมมองเชิงบวกต่อ MTC ในแง่ของ งบการเงินใน 3Q24 ที่มีโอกาสกำไรรายงานออกมาเติบโตทั้ง YoY จากทั้งการเติบโตของการให้สินเชื่อที่อยู่ในกรอบ 15-20% YoY และ คุณภาพสินทรัพย์ที่ยังอยู่ในแนวโน้มที่ดีขึ้นและผ่านจุดสูงสุดของ NPL มาแล้ว โดยคาดว่า NPL จะไม่กลับไปแตะในระดับ 3% อีกทั้งสำรองหนี้เสียเมื่อเทียบกับ NPL อยู่ในระดับสูงถึง 125% เราคาดว่าแม้โอกาสการปรับดอกเบี้ยของ Fed ในครั้งถัดไปลดลงจาก 50bps เหลือ 25bps แต่ยังอยู่ใน cycle ของดอกเบี้ยขาลง ดังนั้นเราแนะนำซื้อสะสมเมิ่ออ่อนตัว
  • CPALL: ราคาพื้นฐาน 79.20 บาท
    เราคาดการณ์แนวโน้มผลประกอบการของ CPALL ใน 3Q24 มีทิศทางการเติบโตต่อเนื่องหลัง โดย CPALL เป็นเพียงผู้ค้าปลีกไม่กี่รายที่มี SSSG ใน 3Q24 เป็นบวกที่ระดับ 3-5% และยังมีแนวโน้มในการเพิ่ม GPM ได้จาก Product mix ที่ดีขึ้นโดยเน้นสินค้าที่มีอัตรากำไรสูงขึ้น นอกจากนี้เราคาด CPALL มีโอกาสได้รับผลประโยชน์ทางอ้อมจากมาตรการแจกเงิน 10,000 บาท สำหรับกลุ่มเปราะบางในเฟส แรก ซึ่งมีผลสำรวจว่าส่วนใหญ่นำไปใช่สินค้าอุปโภคและบริโภค โดย CPALL มีสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัท CPAXT ราว 60% เช่นกัน แต่มี valuation ที่ถูกกว่าดังนั้นเราแนะนำ CPALL เป็นตัวแทนสำหรับกลุ่มค้าปลีก

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

  • วันจันทร์ ติดตาม ตัวเลขเงินเฟ้อของไทย (TH CPI) เดือน ก.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ +0.80% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ +0.35% YoY และอัตราเงินเฟ้อที่ไม่รวมราคาอาหารและพลังงาน (TH Core CPI) ตลาดคาดการณ์ที่ +0.74% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ +0.62% YoY ปิดท้ายด้วยตัวเลขเศรษฐกิจของฝั่งยุโรป ดัชนียอดค้าปลีก (Retail sales) เดือน ส.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ +1.00% YoY เร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ -0.10% YoY
  • วันอังคาร ติดตามดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรมเยอรมนี (German Industrial Production) เดือน ส.ค. เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ -5.30% YoY
  • วันพุธ ติดตามรายงานบันทึกการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารสหรัฐ (FOMC minutes)
  • วันพฤหัสฯ ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อ (US CPI) ของสหรัฐ เดือน ก.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ +2.3% YoY ชะลอตัวจากเดือนที่ผ่านมาที่ +2.5% YoY และเงินเฟื้อที่ไม่รวมราคาอาหารและพลังงาน (US Core CPI) ตลาดคาดการณ์ที่ 3.2% YoY ทรงตัวจากเดือนที่ผ่านมา ต่อด้วยจำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก (Initial Jobless Claims) ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 2.25 แสนตำแหน่ง
  • วันศุกร์ ติดตาม ดัชนีราคาผู้ผลิตที่ไม่รวมราคาอาหารและพลังงาน (US Core PPI index) ของสหรัฐเดือน ก.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ +2.7% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 2.4% YoY และคาดการณ์ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภครัฐจากมหาวิทยาลัยมิชิแกนครั้งแรก (Michigan Consumer Sentiment Prelim) เดือน ก.ย. เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 70.1 จุด
- Advertisement -