Whoscall เผยรายงานองค์กรต่อต้านกลโกงระดับโลก (GASA) พบกว่า 1 ใน 4 ของคนไทยตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา

บริษัท โกโกลุก (Gogolook) ผู้นำด้านเทคโนโลยีเพื่อความเชื่อมั่น (TrustTech) ผู้พัฒนาแอปพลิเคชัน Whoscall ร่วมกับองค์กรต่อต้านกลโกงระดับโลก Global Anti-Scam Alliance (GASA) และ ScamAdviser เปิดรายงานสถานการณ์การหลองลวงจากมิจฉาชีพในประเทศไทย (State of Scams in Thailand) ประจำปี 2567 เผยถึงรูปแบบการหลอกลวงที่เปลี่ยนแปลงและส่งผลกระทบต่อคนไทย ผ่านการสำรวจความคิดเห็นของคนไทยกว่า 9,360 คนจากหลากหลายกลุ่มประชากรตลอด 1 ปี ที่ผ่านมา

ข้อมูลที่น่าสนใจจากรายงาน

  • กว่า 1 ใน 4 หรือ 28% ของผู้ตอบแบบสอบถามตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา
  • 58% รับมือกับมิจฉาชีพบ่อยขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2566 โดย 89% ต้องรับมือกับมิจฉาชีพ อย่างน้อยเดือนละครั้ง
  • กว่า 1 ใน 3 หรือ 39% สูญเสียเงินให้มิจฉาชีพภายใน 1 ชั่วโมงหลังจากได้รับการติดต่อจากมิจฉาชีพ และมีเพียง 2% ที่ได้ทรัพย์สินคืนทั้งหมดหลังจากถูกหลอก
  • มูลค่าความเสียหายจากการถูกหลอกเฉลี่ยอยู่ที่ 1,106 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 36,000 บาทต่อคน
  • การขโมยข้อมูลส่วนบุคคลและการหลอกลวงที่ใช้เทคโนโลยี AI เป็นรูปแบบกลโกงที่ถูกพบมากที่สุด

นายแมนวู จู ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โกโกลุก (ประเทศไทย) กล่าวว่า “แม้จะมีความพยายามในการ ป้องกัน ภัยมิจฉาชีพอย่างต่อเนื่องทั้งจากภาครัฐและเอกชน แต่ประเทศไทยยังคงประสบกับปัญหาจากการ หลอกลวง และความพยายามในการหลอกกลวงจากมิจฉาชีพ รายงานที่เราได้จัดทำ ร่วมกับ GASA และScam Adviser ในปีนี้แสดงให้เห็นถึงระดับความถี่ของการหลอกลวงที่เพิ่มขึ้นรวมไปถึง ข้อมูลเชิงลึกกลลวงใหม่ๆ จากมิจฉาชีพ และผลกระทบที่เกิดขึ้น โดยพบว่ามูลค่าความเสียหายที่เหยื่อถูกหลอก จากมิจฉาชีพเฉลี่ยสูงถึง 1,106 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 36,000 บาทต่อคนในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา” 

การหลอกลวงเกิดบ่อยขึ้น และมีมูลค่าความเสียหายมากขึ้นแม้ว่าคนจะรู้ทันมิจฉาชีพ

รายงานระบุว่าคนไทยมีความระมัดระวังในการป้องกันตนเองจากมิจฉาชีพมากขึ้นโดย 55% มั่นใจว่ารู้ทันกลลวง มิจฉาชีพด้วยการตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์ 44% และใช้แอปพลิเคชัน หรือเว็บไซต์เพื่อตรวจสอบความถูก ต้องของข้อมูลที่ได้รับ 37% อย่างไรก็ตาม 89% เผยว่ายังต้องรับมือกับมิจฉาชีพอย่างน้อยเดือนละครั้ง และ 58% ระบุว่าต้องรับมือกับมิจฉาชีพบ่อยขึ้น โดยเกือบ 10% ระบุว่าถูกก่อกวนจากมิจฉาชีพถี่ขึ้นต่อเดือน เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ในขณะที่ 35% ได้รับโทรศัพท์และข้อความหลอกลวงหลายครั้งต่อสัปดาห์

รายงานยังพบว่าการโทรเข้าและส่งข้อความผ่านมือถือยังเป็นวิธีการหลอกลวงที่มิจฉาชีพใช้มากที่สุด ตามด้วย โฆษณาออนไลน์ การใช้แอปพลิเคชันต่างๆสำหรับส่งข้อความ และโพสต์บนโซเชียลมีเดีย โดย 5 ช่องทางที่ มิจฉาชีพใช้มากที่สุดในการหลอกลวงได้แก่ Facebook 50% ตามด้วย Line 43%, Messenger 39%, TikTok 25% และ Gmail 20%

ทั้งนี้การได้รับคืนเงินที่ถูกมิจฉาชีพหลอกไปนั้นทำได้ยากขึ้นเมื่อเทียบกับปีผ่านมา ผลสำรวจจพบว่ากว่า 1 ใน 3 หรือ 39% สูญเสียเงินภายใน 1 ชั่วโมงหลังจากได้รับการติดต่อจากมิจฉาชีพ โดยมีเหยื่อเพียง 2% ได้เงินที่ ถูกหลอกไปคืนทั้งหมด แต่มีเหยื่อมากถึง 71% ไม่สามารถนำเงินที่สูญเสียไปกลับคืนมาได้ และ 73% ระบุว่าได้รับ ผลกระทบทางจิตใจอย่างรุนแรงหลังจากถูกหลอก

การขโมยข้อมูลส่วนบุคคลและการใช้เทคโนโลยี AI เป็นวิธีการหลอกลวงที่แพร่หลาย

การขโมยข้อมูลส่วนบุคคล (Identity Thef) และการใช้เทคโนโลยี AI เป็นรูปแบบกลโกงที่มิจฉาชีพใช้มากขึ้น อย่างมีนัยสำคัญ ผลสำรวจระบุว่าการขโมยข้อมูลส่วนบุคคลโดยการแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อหลอก ให้เหยื่อโอนเงิน เป็นกลลวงที่พบมากที่สุดถึง 22%  แซงหน้าการหลอกลวงให้ซื้อสินค้า (shopping scams) 19%  ตามมาด้วยการออกใบแจ้งหนี้ปลอม หรือการหลอกให้ชำระหนี้16% และการหลอกให้ลงทุน14% ตามลำดับ

นอกจากนี้ รายงานระบุว่าคนไทยมีความตระหนักรู้มากขึ้นว่ามิจฉาชีพนำเทคโนโลยี AI มาเป็นเทคนิคใหม่ในการ เขียนข้อความสร้างบทสนทนาเลียนแบบเสียง รวมถึงสร้างภาพของบุคคลหรือสถานการณ์หลอกลวงในรูปแบบ ต่างๆ โดย 66 % ของผู้ตอบแบบสอบถามมั่นใจว่าเคยได้รับข้อความที่เขียนโดยใช้เทคโนโลยี AI

นายจอริจ อับบราฮัม (Jorij Abraham) ผู้จัดการทั่วไปGlobal Anti-Scam Alliance (GASA) กล่าวว่า“รายงานสถานการณ์การหลองลวงจากมิจฉาชีพในประเทศไทยฉบับนี้แสดงให้เห็นถึงความจำเป็นเร่งด่วนเพื่อปรับปรุงมาตรการป้องกัน เพิ่มการดำเนินการที่เข้มงวดและสร้างความตระหนักรู้ให้แก่ประชาชนเกี่ยวกับภัยจาก มิจฉาชีพ  จากความสูญเสียทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาลและผลกระทบทางจิตใจที่เกิดขึ้นต่อผู้เสียหายทำให้เรา จำเป็นต้องร่วมมือกันเพื่อปกป้องประชาชนและฟื้นความเชื่อมั่นในการใช้แพลตฟอร์มดิจิทัล”

เพื่อรับมือกับภัยคุกคามจากมิจฉาชีพที่เพิ่มขึ้นบริษัทโกโกลุก  ประเทศไทย จึงให้ความสำคัญกับการออกมาตรการในระยะยาว เพื่อป้องกันกลลวงในรูปแบบที่เน้นการจัดการความเสี่ยงและเสริมสร้างความระมัดระวัง ให้แก่ประชาชนจากการให้ความรู้

“ในฐานะผู้นำด้านเทคโนโลยีเพื่อความเชื่อมั่น (TrustTech) ที่เติบโตอย่างต่อเนื่องเรามุ่งมั่นที่จะพัฒนาเครื่องมือ ที่ทันสมัยเพื่อรับมือกับกับภัยคุกคามจากมิจฉาชีพที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ ของบริษัท ในการร่วมต่อต้านการหลอกลวงทุกรูปแบบ เรามีการผสานเทคโนโลยี AI เพื่อพัฒนาฟีเจอร์ ใหม่บนแอปพลิเคชัน Whoscall ทั้งเวอร์ชั่นฟรีและพรีเมียมให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อปกป้องผู้ใช้งานทุกคน โดยนอกเหนือจากฟีเจอร์ Caller ID  และ Smart SMS Assistant ที่เป็นด่านหน้าในการป้องกันสายโทรเข้า และข้อความหลอกลวงแล้ว ปัจจุบัน Whoscall ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ เช่น ID Security  (เช็กข้อมูลรั่วไหม) เพื่อช่วยตรวจสอบความปลอดภัย ของข้อมูลส่วนบุคคลเช็ก Auto Web Checker เพื่อปกป้องผู้ใช้จากการคลิก ลิงก์ฟิชชิ่ง รวมไปถึง Scam Alert ศูนย์รวมข้อมูลเตือนภัยกลโกงมิจฉาชีพแห่งแรกในไทยอีกด้วย” นายแมนวู กล่าวปิดท้าย

รายงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของการประชุม the second GASA Global Anti-Scam Summit – Asia (GASS) ซึ่งเป็นการประชุมระดับนานาชาติเพื่อต่อต้านการหลอกลวงที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค โดยมีผู้เชี่ยวชาญจาก GASA ผู้แทนจากองคกร์ระดับโลกอย่าง Amazon, Google, Gogolook, Mastercard และ Meta รวมถึงเจ้าหน้าที่ จากหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย สถาบันการเงิน และองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไร เข้าร่วมงานเพื่อแลกเปลี่ยน ความรู้ ส่งเสริมการทำงานร่วมกัน และพัฒนากลยุทธ์เพื่อปกป้องผู้คนจากการหลอกลวง สามารถดูรายละเอียดของการประชุมได้ที่ https://www.gasa.org/gass-2024-asia

สามารถดาวน์โหลดรายงานฉบับเต็ม ได้ที่ www.gasa.org/reserarch

สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Whoscall ได้ฟรีจาก App Store และ Google Play Store ที่ลิงก์ https://app.adjust.com/1fh6zchh

สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Whoscall และฟีเจอร์ที่มีให้บริการ ได้ที่ https://whoscall.com/th หรือ https://www.facebook.com/whoscall.thailand

เกี่ยวกับ GASA

ภารกิจของ Global Anti Scam Alliance (GASA) คือการปกป้องผู้บริโภคทั่วโลกจากการหลอกลวงด้วยการสร้างความตระหนักรู้ การส่งมอบเครื่องมือที่ช่วยปกป้อง  รวมถึงการแบ่งปันองค์ความรู้ จัดทำงานวิจัย และจัดฝึกอบรม สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่  https://www.gasa.org/

เกี่ยวกับ Gogolook

Gogolook เป็นบริษัทผู้ให้บริการทางด้านเทคโนโลยีเพื่อความเชื่อมั่น (TrustTech) ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2555 โดยมีพันธกิจหลักคือสร้างความเชื่อมั่น “Build for Trust” โดยได้ขยายธุรกิจจากเอเชียไปยังยุโรปและอเมริกา เทคโนโลยี AI ของ Gogolook พัฒนาขึ้นจากฐานข้อมูลการหลอกลวงดิจิทัลที่ใหญ่ ที่สุดในโลก ครอบคลุมหมายเลขโทรศัพท์ เว็บไซต์ ดิจิทัลวอลเล็ต และแหล่งที่มาอื่นๆ บริษัทให้บริการป้องกันการหลอกลวงและบริการทางการเงิน ที่หลากหลายทั้งสำหรับผู้บริโภคและกลุ่มธุรกิจซึ่งรวมถึงแอปป้องกันการหลอกลวงดิจิทัล “Whoscall” และโซลูชันป้องกันการหลอกลวงสำหรับองค์กร ร่วมกัน  “ScamAdviser”

ในฐานะสมาชิกผู้ก่อตั้ง Global Anti-Scam Alliance (GASA) Gogolook ได้ร่วมมือกับสถาบันต่างๆ มากมาย เช่น สำนักงานสืบสวนคดีอาญาของสำนักงานตำรวจไต้หวัน สำนักงานตำรวจแห่งชาติประเทศไทย สำนักงาน ตำรวจสืบสวนและประสานงานอาชญากรรมไซเบอร์ ฟิลิปปินส์ สำนักงานกำกับดูแลทางการเงิน เกาหลีใต้ รัฐบาลเมืองฟุกุโอกะและชิบูย่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติมาเลเซีย มุ่งมั่นสร้างสรรค์สภาพแวดล้อม ที่ปลอดภัยจากการหลอกลวง สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม Gogolook ที่: https://gogolook.com/en

 

เกี่ยวกับ Whoscall

แอปพลิเคชัน Whoscall เครื่องมือป้องกันการหลอกลวงทางดิจิทัลส่วนบุคคล ถูกออกแบบมาเพื่อปกป้องผู้ใช้ จากการหลอกลวงในสถานการณ์ต่างๆ ตั้งแต่ การสื่อสารที่เป็นอันตรายและน่าสงสัย รวมถึงสายโทรเข้า ข้อความ และลิงก์ ด้วยยอดการดาวน์โหลดมากกว่า 100 ล้านครั้งทั่วโลก  Whoscall มีฐานข้อมูลที่ครอบคลุมมากที่สุด ในเอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ครอบคลุม หมายเลขโทรศัพท์ มากกว่า 2.6 พันล้านเลขหมาย และรวมข้อมูลจากพันธมิตรอย่าง ScamAdviser เพื่อสร้างฐานข้อมูลต่อต้านการหลอกลวงทางดิจิทัลชั้นนำ ทีมงาน Whoscall ทุ่มเทพัฒนาเทคโนโลยีต่อต้านการหลอกลวงมานานกว่าทศวรรษ โดยใช้เทคโนโลยี AI วิเคราะห์ และจำลองรูปแบบการหลอกลวง เพื่อป้องกันเชิงรุก ต่อการหลอกลวงที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว Whoscall เดินหน้าอย่างแข็งขัน ในการสร้างกลไกการทำงานร่วมกัน ในชุมชนของผู้ใช้ร่วมมีบทบาทในการสร้างผลลัพธ์ ทางสังคมด้วยบริการต่อต้านการฉ้อโกงทางดิจิทัล ตั้งแต่ การให้ความรู้ การสร้างความร่วมมือระหว่างหน่วยงาน ไปจนถึงสร้างนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ Whoscall ได้รับการยอมรับและความร่วมมือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไต้หวัน สำนักงานตำรวจแห่งชาติประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ แห่งชาติ (สกมช.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติมาเลเซีย ศูนย์สืบสวนและประสานงานอาชญากรรมทางไซเบอร์ ของฟิลิปปินส์ หน่วยงานกำกับดูแลทางการเงิน ของเกาหลีใต้ และรัฐบาลท้องถิ่นในญี่ปุ่น สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่: https://whoscall.com/th

เกี่ยวกับ ScamAdviser

ScamAdviser เป็นแบรนด์ชั้นนำด้านโซลูชันป้องกันการหลอกลวงองค์กรระดับโลก ตั้งอยู่ในเมืองอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ ให้บริการลูกค้าองค์กรระดับโลกด้วยการนำเทคโนโลยีป้องกันการหลอกลวงมาใช้และบริการให้คำปรึกษา โดยใช้ประโยชน์จาก AI และเครือข่ายฐานข้อมูลที่ครอบคลุม ScamAdviser ได้พัฒนาเทคโนโลยีการให้คะแนนความเสี่ยงของเว็บไซต์ เทคโนโลยีนี้ถูกรวมเข้ากับโซลูชันป้องกันการหลอกลวงองค์กรและฐานข้อมูลหมายเลขโทรศัพท์ของ Gogolook สร้างฐานข้อมูลป้องกันการหลอกลวงดิจิทัลที่ครบถ้วนที่สุดในโลก ScamAdviser เชี่ยวชาญในการนำเทคโนโลยีป้องกันการหลอกลวงที่ปรับแต่งได้มาใช้ในการดำเนินงานขององค์กร ช่วยให้ลูกค้าปกป้องผู้บริโภคและอยู่ในแถวหน้าของแนวโน้มการปฏิบัติตามกฎระเบียบระดับโลก ในฐานะสมาชิกผู้ก่อตั้งของ Global Anti-Scam Alliance พันธมิตรและลูกค้าของ ScamAdviser ครอบคลุมทั่วยุโรป อเมริกา เอเชีย รวมถึงหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย องค์กรคุ้มครองผู้บริโภค สถาบันการเงิน ผู้ให้บริการโทรคมนาคม ผู้ให้บริการความปลอดภัยทางไซเบอร์ และที่ปรึกษาด้านแบรนด์ ด้วยฐานข้อมูลการหลอกลวงที่ใหญ่ที่สุดในโลก เราแบ่งปันข้อมูลเชิงลึกกับพันธมิตรกว่า 400 ราย เพื่อร่วมกันปกป้องผู้บริโภคมากกว่า 1 พันล้านคนทั่วโลก

- Advertisement -