KS Daily View 09.10.2024 >> หุ้น Growth ดันหุ้นสหรัฐฯปิดบวก มอง SET ที่ 1,440 – 1,470 แนะนำ AAV, CPF

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศวันนี้: ตลาดหุ้นสหรัฐฯ รีบาวด์หลังจากปรับตัวลงในวันคืนวันจันทร์ Dow Jones +0.30%, S&P 500 +0.97%, Nasdaq Composite +1.45% และ Russell 2000 +0.09% โดยได้รับแรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นในกลุ่ม Growth ที่มีประเด็นว่า Foxconn กำลังสร้างโรงงานที่ใหญ่ที่สุดในโลกเพื่อผลิตชิป GB200 ของ Nvidia รวมถึงความเห็นของ John Williams ประธานเฟดสาขานิวยอร์ก ที่แสดงความมั่นใจในว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ อยู่ในเส้นทาง Soft-landing นอกจากนี้หุ้นในกลุ่มท่องเที่ยวและเรือสำราญต่างปรับตัวขึ้นหลังราคาน้ำมันปรับตัวลงแรงมากกว่า 4% จากการที่โจ ไบเดนได้พยายามห้ามปรามไม่ให้อิสราเอลโจมตีแหล่งน้ำมันของอิหร่านรวมถึงการที่จีนไม่ได้มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม

SET Index ปิดทรงตัวที่ระดับ 1,452.80 จุด ตลาดหุ้นไทยยังอยู่ในสภาวะของการพักฐานต่อเนื่อง ในขณะที่ตลาดในภูมิภาคปรับตัวผสมผสานตามปัจจัยเฉพาะตัว โดย SET ได้แรงหนุนจากหุ้นในกลุ่มประกันหลัง Bond Yield 10 ปี ของสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น, CRC จากการประกาศร่วมทุนของซาอุดิอาระเบีย, กลุ่ม Gadget จากประเด็น Apple เตรียมเปิดตัว iPhone SE ในต้นเดือนหน้า คาด SET น่าจะพักฐานต่อในกรอบ 1,440 – 1,470 รอรายงานการประชุมเฟดและตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ แนะนำ AAV ที่ราคาน้ำมันพลิกกลับมาลงแรงเมื่อวานนี้และ CPF จากมุมมองเชิงบวกหลัง Preview งบ

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

1. ธนาคารโลก (World Bank) คงการคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยในปี 2567 ที่ 2.4% เพิ่มขึ้นจาก 1.9% ในปี 2566 โดยคาดว่าจะได้แรงหนุนจากการเร่งใช้งบประมาณ, การส่งออกที่คาดว่าจะเติบโต 2.4% จากเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวดีขึ้นแม้จีนจะชะลอตัว,การท่องเที่ยวที่คาดว่าจะฟื้นตัวเต็มที่ในกลางปี 2568 และการบริโภคภาคเอกชน สำหรับปี 2568 ธนาคารโลกคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโต 3.0%

2.   รัฐบาลไทยตั้งเป้านักท่องเที่ยวต่างชาติปี 2568 ที่ 40 ล้านคน สูงกว่าก่อนโควิด-19 คาดสร้างรายได้ 3.4 ล้านล้านบาท โดยร่วมมือกับบริษัทท่องเที่ยวชั้นนำเช่นTrip.com, Expedia และ Agoda เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว และจะเปิดตัวแคมเปญ “Amazing Thailand Grand Tourism Year 2025” ส่งเสริมวัฒนธรรมและแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ พร้อมเพิ่มเที่ยวบินรองรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก

3. ครม. อนุมัติการปรับเกณฑ์การจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยเป็นแบบเหมาจ่ายอัตราเดียว 9,000 บาทต่อครัวเรือน ครอบคลุม 57 จังหวัด รวม 338,391 ครัวเรือน โดยผู้ที่ได้รับเงินช่วยเหลือ 5,000 บาทไปแล้วจะได้รับเพิ่มให้ครบ 9,000 บาท เพื่อให้การช่วยเหลือรวดเร็วและเหมาะสมกับสถานการณ์ที่รุนแรง ปัจจุบันมีประชาชนยื่นคำร้องขอรับเงินช่วยเหลือแล้ว 67,296 ครัวเรือนใน 50 จังหวัด

4. โรงพยาบาลเอกชน 70 แห่งเตรียมถอนตัวจากการเป็นคู่สัญญากับประกันสังคม หากไม่มีการปรับเพิ่มอัตราค่าบริการรักษาพยาบาล โดยเฉพาะในกลุ่มโรคที่มีค่าใช้จ่ายสูง เนื่องจากอัตราการจ่ายปัจจุบันไม่สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง ทำให้โรงพยาบาลขาดทุน ขณะนี้มีการตั้งคณะทำงานร่วมระหว่างประกันสังคมและโรงพยาบาลเอกชนเพื่อหาข้อสรุปก่อนทำสัญญาใหม่ปลายปีนี้

5. คณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีน (NDRC)ให้คำมั่นว่าจะดำเนินการในหลายด้านเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับเศรษฐกิจภายในประเทศ ย้ำแผนเดิมในการเพิ่มการลงทุน และสนับสนุนกลุ่มผู้มีรายได้น้อย พร้อมทั้งประกาศจะออกพันธบัตรระยะยาวพิเศษในปีหน้า แต่ไม่ได้มีการประกาศแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจขนานใหญ่เพิ่มเติม ทำให้ตลาดหุ้นจีนมีแรงขายและลดช่วงบวกลงมา

6. ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงกว่า 4% จากการที่ตลาดรอดูการตอบโต้ของอิสราเอลต่ออิหร่าน ที่ล่าสุดประธานาธิบดีไบเดนได้พยายามห้ามปรามไม่ให้อิสราเอลโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำมันของอิหร่าน นอกจากนี้ ตลาดยังผิดหวังที่จีนไม่ประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์น้ำมันในจีนซึ่งเป็นผู้นำเข้ารายใหญ่ที่สุดของโลก

Daily pick

AAV: ราคาพื้นฐาน 3.22 บาท

เรามีมุมมองเชิงบวกจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง ส่งผลให้Jet fuel มีโอกาสขยับลงเช่นกัน แต่อย่างไรก็ตาม เรามองว่าJet fuel ในวันนี้อยู่ในระดับที่ไม่สูงมากที่ราว $90 ซึ่งจากSensitivity Analysis พบว่าทุกๆ การลดลงของราคาน้ำมัน Jet fuel $1 จะทำให้ AAV มีโอกาสสร้างผลกำไรเพิ่มขึ้นราว 130-150 ล้านบาทต่อปี นอกจากนี้เราคาดว่ากลุ่มสายการบินจะยังได้รับประโยชน์จากค่าเงินบาทที่แข็งค่า ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายบางรายเช่น ค่าน้ำมัน ค่าเช่าเครื่องบินและค่าซ่อม ที่จ่ายในสกุล USD จะมีโอกาสถูกลงเช่นกัน อีกทั้งใน 4Q24 คาดว่าจะเข้า High season ของปีและจะสามารถทำกำไรในระดับสูงสุดของปีได้เช่นกัน

CPF: ราคาพื้นฐาน 29.50 บาท

เรามีมุมมองเชิงบวกต่อผลประกอบการใน 3Q24 ของ CPF โดยคาดว่ากำไรจะปรับตัวได้ดีขึ้น QoQ และ Turnaround จากขาดทุนใน 3Q23 เป็นกำไรราว 7 พันล้านบาท โดยได้รับอานิสงค์จากส่วนของ ราคาหมูในจีนที่ปรับตัวดีขึ้น 21%YoY ราคาหมูในไทย ที่เพิ่มขึ้น 4.9% YoY และราคาหมูในเวียดนามที่ยังอยู่ในระดับสูงราว 62,500 VND/kg โดยเรายังคงเชื่อมั่นในแนวโน้มผลประกอบการที่แข็งแกร่งจะส่งต่อไปยังปี 2025 จากทั้งราคาหมูในจีนที่อยู่ในระดับสูง  ราคาหมูในไทยและเวียดนามที่ทรงตัวประกอบกับต้นทุน Feed price ที่คงที่พร้อมทั้งความคาดหวังจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนในอนาคต

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

  • วันพุธ ติดตามรายงานบันทึกการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารสหรัฐ (FOMC minutes)
  • วันพฤหัสฯ ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อ (US CPI) ของสหรัฐ เดือน ก.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ +2.3% YoY ชะลอตัวจากเดือนที่ผ่านมาที่ +2.5% YoY และเงินเฟื้อที่ไม่รวมราคาอาหารและพลังงาน (US Core CPI) ตลาดคาดการณ์ที่ 3.2% YoY ทรงตัวจากเดือนที่ผ่านมา ต่อด้วยจำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก (Initial Jobless Claims) ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 2.25 แสนตำแหน่ง
  • วันศุกร์ ติดตามดัชนีราคาผู้ผลิตที่ไม่รวมราคาอาหารและพลังงาน (US Core PPI index) ของสหรัฐเดือน ก.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ +2.7% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 2.4% YoY และคาดการณ์ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภครัฐจากมหาวิทยาลัยมิชิแกนครั้งแรก (Michigan Consumer Sentiment Prelim) เดือน ก.ย. เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 70.1 จุด
- Advertisement -