บล.พาย:
TISCO: Tisco Financial Group PCL
เติบโตชะลอตัว แต่เด่นเงินปันผลสูง
เราคงคำแนะนำ “ถือ” เพื่อรับเงินปันผล มูลค่าพื้นฐานที่ 100 บาท โดยคาดอัตราผลตอบแทนเงินปันผลสูงที่ 7.7% ในปี 2024 (ผลตอบแทนจากผลการดำเนินงานใน 2H24 เหลือ 5.6% หลักหักเงินปันผลระหว่างกาลใน 1H24) และคาดที่ 7.3%/7.7% ในปี 2025-2026 เรามองว่ารายได้ค่าธรรมเนียมจะเติบโตต่อจากภาวะการลงทุนฟื้นตัวเป็นหลัก และ NIM ทยอยปรับขึ้นหลังจากควบคุมต้นทุนการเงินได้ดี แต่ผลกระทบจาก Coverage ratio ลดลง ทำให้แนวโน้มสำรองหนี้ฯเพิ่มขึ้น และจะเพิ่มอย่างมีนัยสำคัญในปี 2025 ดังนั้น คาดว่ากำไรใน 4Q24 จะทรงตัว QoQ แต่ลดลง YoY ทำให้คาดว่ากำไรสุทธิปี 2024 ปรับลดลง 5.1% YoY และลดลง 4.7% ในปี 2025 ก่อนจะกลับมาขยายตัวราว 4.9% ในปี 2026 สำหรับใน 3Q24 กำไรสุทธิออกมาตามคาดที่ 1.7 พันล้านบาท (-8.7% YoY, -2.1% QoQ) คุณภาพสินเชื่อทรง ตัว NPL ratio อยู่ที่ 2.4% และ Coverage ratio ลดลงที่ 159.1%
การประชุมนักวิเคราะห์
- เรามีมุมมองเป็นกลางหลังการประชุมนักวิเคราะห์ ความท้าทายในการเติบโตสินเชื่อยังอยู่ที่สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ (43% ของพอร์ตสินเชื่อรวม) ถูกกดดันจากยอดขายรถยนต์ใหม่หดตัว คุณภาพลูกหนี้อ่อนแอ และการแข่งขันด้านราคาจากรถยนต์ไฟฟ้า และเมื่อรถยนต์ขายได้น้อยลง สินเชื่อเพื่อผู้จัดจำหน่ายรถยนต์ (Floorplan financing) ลดลงตามไปด้วย ทำให้ต้องขยายตัวสินเชื่อจำนำทะเบียนเป็นหลัก ส่วนสินเชื่อบริษัทขนาดใหญ่มีแนวโน้มที่ดี
- คุณภาพสินเชื่อรวมทรงตัว แต่หนี้เสียสินเชื่อจำนำทะเบียนที่สูงขึ้นและ Coverage ratio ยังลดลง (ขั้นต่ำ 140%) ทำให้ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (ECL) แนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยคาด Credit cost จะเพิ่มเป็น 100 bps ในปี 2025 จาก 50-70 bps ในปี 2024
- ภาวะการลงทุนที่ฟื้นตัวทำให้อาจจะมี Performance fee จากธุรกิจจัดการกองทุนเพิ่มใน 4Q24 แต่ TISCO มองว่าอาจจะนำรายได้ไป ตั้งสำรองหนีฯ เพิ่มเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของงบดุล
- ปัจจัยบวก (1) รายได้ค่าธรรมเนียม(ดีอานิสงค์จากภาวะการลงทุน ฟื้นตัวส่งผลดีต่อธุรกิจหลักทรัพย์ และการจัดการกองทุน และ (2) ส่วนต่างดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) มีแนวโน้มดีขึ้น
- TISCO ไม่มีแผนในการซื้อหุ้นคืน (Share buybacks) โดยมองว่าการบริหารเงินกองทุนและรักษา ROE สูงมาจากการจ่ายเงินปั่นผลสูง ซึ่งสามารถเพิ่ม dividend payout ratio สูงสุดที่ 100%
คาดกำไรปี 2024-25 ลดลงก่อนที่จะกลับมาขยายตัวในปี 2026
- แม้จะมีมุมมองบวกต่อรายได้ค่าธรรมเนียม แต่ด้วยแรงกดดันจากสินเชื่อชะลอตัว และ ECL สูงขึ้น เราคาดว่ากำไรสุทธิจะลดลง 5.1% ในปี 2024 และปรับลดลงต่อเนื่อง 4.7% ในปี 2025 ก่อนที่กำไรจะกลับมาขยายตัว 4.9% ในปี 2026
- ระดับเงินกองทุนแข็งแกร่ง TISCO สามารถจ่ายเงินปันผลระดับสูง โดยคาด Dividend yield สูงที่ 7.7%/7.3%/7.7% ในปี 2024-26
คงคำแนะนำ “ถือ” มูลค่าพื้นฐาน 100 บาท
แนะนำ “ถือ” เพื่อรับเงินปันผล ด้วยมูลค่าพื้นฐาน 100 บาท ประเมินมูลค่าด้วยวิธี GGM (ROE 15%, Terminal growth 2%) อิง 1.8 x PBV’25E หรือ +0.5SD ของค่าเฉลี่ย 10 ปี (2014-2023)
สรุปผลการดำเนินงานใน 3Q24
- กำไรสุทธิงวด 3Q24 ออกมาตามคาดที่ 1.7 พันล้านบาท (-8.7% YoY, -2.1% QoQ) แม้รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเติบโตสูงจากรายได้ค่าธรรมเนียมในธุรกิจตลาดทุน (ธุรกิจหลักทรัพย์ และการจัดกองทุนรวม) และกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดมูลค่าด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรหรือขาดทุน (FVTPL) แต่กำไรสุทธิลดลง YoY จาก (1) รายได้ดอกเบี้ยสุทธิปรับลดลง เพราะ NIM ลดลง และสินเชื่อลดลง (2) สำรองหนี้ฯ ปรับเพิ่มขึ้น อย่างมีนัยสำคัญ (+145% YoY) ส่วนกำไรลดลง QoQ เนื่องจากกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดมูลค่าด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรหรือขาดทุน (FVTPL) ลดลงเป็นหลัก
- สินเชื่อหดตัว 1.5% QoQ (-0.8% YoY) เนื่องจากการปรับลดลงของสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ใหม่ สินเชื่อ SME และสินเชื่อบริษัทขนาดใหญ่ แม้ว่าสินเชื่อจำนำทะเบียนขยายตัว ทำให้สินเชื่อใน 9M24 ลดลง 2.1% YTD
- คุณภาพสินเชื่อรวมทรงตัว แม้หนี้เสียในสินเชื่อจำนำทะเบียนจะเพิ่มขึ้น โดย NPL ratio ทรงตัว QoQ ที่ 2.4% และอัตราส่วนการตั้งสำรองหนี้ฯ ต่อหนี้เสีย (Coverage ratio) ปรับลดลงที่ 159.1%
- NIM ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่ 4.9% เนื่องจากอัตราผลตอบแทนสินเชื่อเพิ่มขึ้นจากกลุ่ม High yield ส่วนต้นทุนการเงินทรงตัว
- Cost to income ratio เพิ่มขึ้นเล็กน้อย QoQ จากรายได้จากการดำเนินงานลดลง ขณะที่การควบคุมค่าใช้จ่ายดำเนินงานทำได้ดีขึ้น
อ่านบทวิเคราะห์ฉบับเต็ม TISCO 241016(1)