รอติดตามประชุม กนง. น้ำมันดิบปรับฐานแรงกดดันพลังงาน

Market Update

ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดลบ 0.75% ถูกกดดันจากหุ้นกลุ่มพลังงานที่ปรับลง 3% ตามทิศทางราคาน้ำมันดิบที่ปรับลง ขณะที่ Nasdaq ปรับลง 1% รับแรงกดดันจากหุ้นในกลุ่มชิปหลังจาก ASML คาดการณ์รายได้ที่ลดลงในปีหน้า ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดลบ 4.1% หลังมีรายงานว่าอิสราเอลไม่มีแผนโจมตีแหล่งน้ำมันอิหร่าน

Market Outlook

วานนี้ TISCO รายงานกำไรสุทธิ 1.7 พันล้านบาท (-8.6% YoY) ซึ่งหากพิจารณาในองค์ประกอบการงบกำไรขาดทุนจะพบว่ารายได้ดอกเบี้ยสุทธิก็ปรับลง 3%YoY ส่วนนึงเป็นเพราะต้นทุนการเงินที่ปรับสูงขึ้นเพราะดอกเบี้ยเงินฝาก พร้อมกับการตั้งสำรองที่ขยายตัว 338%YoY โดยทางธนาคารระบุว่าทำตามแผนเพิ่มสำรองให้กลับสู่ระดับปกติ รวมถึงเศรษฐกิจที่เปราะบาง มองเป็นปัจจัยกดดันเล็กน้อยกับบรรยากาศการลงทุน ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ เมื่อคืนปรับฐานรับแรงกดดันหลักๆจากกลุ่มพลังงาน (-3%) กลุ่ม Technology (-1.8%) กลุ่มพลังงานเป็นแรงกดดันจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับฐาน ส่วนกลุ่ม Technology สำหรับกลุ่ม Technology รับแรงกดดันจากหุ้น ASML ที่ปรับฐานมากถึง 16% หลังจากบริษัทได้เปิดเผยยอดจองอยู่ที่เพียง 2.6 พันล้านยูโรเทียบกับ 2Q24 ที่มียอดจองมากถึง 5.5 พันล้านยูโร รวมไปถึงยอดขายในปี 25 ที่บริษัทคาดการณ์ในช่วง 3 – 3.5 หมื่นล้านยูโร เทียบเท่ากับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์กันในช่วง 3.5 – 4 หมื่นล้านยูโร ด้วยแรงกดดันข้างต้นจะสร้างผลกระทบเชิงลบมายังตลาดหุ้นไทย โดยเฉพาะกลุ่มน้ำมัน (PTTEP) กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ (HANA KCE DELTA) แนะระมัดระวังโดยเฉพาะ DELTA ที่มีระดับ Valuation ค่อนข้างสูง (PE 72.4x)

ปัจจัยในประเทศวันนี้รอติดตามประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินที่จะทราบผลในช่วง 14.00 ข้อมูลจาก Bloomberg Consensus ประเมินว่าจะคงดอกเบี้ยนโยบายระดับเดิมซึ่งทำการสำรวจนักเศรษฐศาสตร์จำนวน 21 ท่าน พบว่ามีเพียง 3 ท่านที่คาดว่าจะปรับลดดอกเบี้ยลง 0.25% ส่วนความเห็นของเราก็คาดว่าที่ประชุมจะคงดอกเบี้ยระดับเดิม ด้วยเหตุผลที่ว่า FED มีแนวโน้มจะปรับลดดอกเบี้ยน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ประเมินไว้ ในช่วงก่อนหน้านี้ด้วยการจ้างงานที่ยังแข็งแกร่งพร้อมกับการปรับขึ้นมาของเงินเฟ้อสหรัฐ กลุ่ม Bank จะได้ประโยชน์จากปัจจัยข้างต้น แต่อย่างไรก็ตามราคาหุ้นในกลุ่มธนาคารปรับขึ้นมาจากจุดต่ำสุดล่าสุด 1.7% เชื่อว่าตลาดอาจสะท้อนไปบ้างแล้ว

วันนี้ประเมิน SET INDEX ปรับฐานในกรอบ 1450 – 1460 ในเชิงกลยุทธ์การลงทุนยังไม่แนะเพิ่มพอร์ตการลงทุนจากความเสี่ยงเรื่อง Valuation ที่เริ่มสูง พร้อมกับขาดปัจจัยสนับสนุน และในอีกทางเริ่มเผชิญแรงกดดันจากต่างประเทศ สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง แนะนำเก็งกำไรในกลุ่มสายการบิน (AAV BA) โรงไฟฟ้า (BGRIM GPSC GULF) ปัจจัยหนุนราคาพลังงานปรับลง ส่งออก (ITC TU)

หุ้นแนะนำซื้อวันนี้

AAV (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 2.82 บาท)

AAV เป็นผู้ประกอบการที่ได้รับผลดีจากภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว ซึ่งล่าสุดคาดว่าผู้โดยสารทั้งปีจะไปได้ถึงระดับ 20 ล้านคน รวมถึงบริษัทยังคงมีแผนเปิดเส้นทางใหม่เพิ่ม โดยเฉพาะเส้นทางต่างประเทศอย่างประเทศอินเดีย ขณะที่จีนมีโอกาสเพิ่มขึ้นเช่นกันหลังเปิดฟรีวีซ่า

TU (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 18.30 บาท)

คาดผลประกอบการงวด 3Q24 มีกำไรสุทธิ 1,303 ล้านบาท (+8%YoY,+7%QoQ) ปัจจัยบวกหลักยังคงมาจากการเติบโตของธุรกิจอาหารทะเลแปรรูป (Ambient Seafood) ที่มีความต้องการเพิ่มขึ้นจากตลาดตะวันออกกลาง และอาหารสัตว์เลียง (Pet Care) แม้ว่าธุรกิจอาหารแช่แข็ง (Frozen Seafood) ยังคงลดลงจากความต้องการที่ชะลอตัวโดยเฉพาะตลาดสหรัฐฯ

- Advertisement -