KS Daily View 16.10.2024 >>> จับตากนง. บ่ายนี้ คาดอาจผ่อนคลายดอกเบี้ยนโยบาย กรอบ SET วันนี้ 1,450 – 1,480 แนะนำ KTB, SHR

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศวันนี้: ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลงแรงจากระดับ Record High โดย Dow Jones -0.75%, S&P 500 -0.76%, Nasdaq Composite -1.01% และ Russell 2000 +0.05% แรงกดดันมาจากหุ้นในกลุ่มชิปหลังทางการสหรัฐฯ กำลังพิจารณาจำกัดการส่งออกชิป AI ไปยังบางประเทศในตะวันออกกลาง รวมถึงการเผยผลประกอบการของ ASML ผู้ผลิตเครื่องจักรในการผลิตชิปที่รายงานยอดคำสั่งซื้อต่ำกว่าคาดไปเกือบครึ่ง นอกจากนี้ยังมีแรงกดดันจากกลุ่มพลังงานที่ปรับตัวลงจากการลงของราคาน้ำมัน

SET Index ปิดที่บริเวณ 1,465.03 จุด ปิดลบราว 5 จุด สอดคล้องกับตลาดในภูมิภาค หลังจากขึ้นทดสอบแนวต้านที่ 1,480 จุด แต่ยังไม่สามารถผ่านขึ้นไปได้ แรงขายยังมาจากนักลงทุนต่างชาติ 2,355 ล้านบาท ในขณะที่นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 1,926 ล้านบาท ภาพรวมมีหุ้นปิดลบเกือบทุกกลุ่ม โดยมีเพียงกลุ่ม Electronic ที่ยืนบวกสวนได้จาก DELTA รวมถึงกลุ่ม Healthcare และ ICT ในขณะที่กลุ่มพลังงานปรับตัวลงแรงตามราคาน้ำมันหลังกลุ่ม OPEC ปรับลดการเติบโตของความต้องการน้ำมันลง สำหรับวันนี้เราคาดว่า SET จะยัง Sideway ในกรอบ 1,450 – 1,480 จุด ปัจจัยสำคัญคือการประชุม กนง. ในช่วงบ่ายวันนี้ โดยเราลุ้นให้มีท่าทีของการผ่อนคลายที่อาจส่งผ่านมาในมิติของคะแนนเสียงที่ไม่เป็นเอกฉันฑ์ แนะนำ KTB, SHR

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

1.นายกฯ แพทองธารเตรียมเปิด “โครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจ” 16 ต.ค. ที่ทำเนียบฯ ร่วมกับภาครัฐ-เอกชนรายใหญ่ ช่วยรายเล็กลดค่าครองชีพ 5 เดือน (ก.ย.67-ม.ค.68) ด้วยการลดรายจ่ายผู้ประกอบการรายเล็ก ค่าเช่าแผง/ร้านค้า ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วประเทศ และจัดมหกรรมลดราคา พร้อมไลฟ์สดพูดคุยกับผู้ประกอบการและถ่ายทอดกิจกรรมจาก 5 จังหวัด ต่อยอดจากโครงการแจกเงิน 10,000 บาท ที่กระตุ้นเศรษฐกิจไปแล้ว 145,000 ล้านบาท

2.กระทรวงการคลังเตรียมมาตรการช่วยผู้ประสบอุทกภัย ประกอบด้วย: ยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินชดเชย, ยกเว้นค่าเช่าที่ดินธนารักษ์ 1-2 ปีตามความเสียหาย, ปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำผ่านธนาคารรัฐ (ออมสิน, ธ.ก.ส., อาคารสงเคราะห์) พร้อมพักชำระหนี้ ขยายเวลาชำระ และลดดอกเบี้ย มาตรการอยู่ระหว่างพิจารณาตามกฎหมายก่อนเสนอ ครม.

3.นายกฯ สั่งเร่งฟื้นฟูภาคเหนือหลังน้ำท่วม เตรียมจัด ครม.สัญจรปลาย ต.ค.-ต้น พ.ย. ที่เชียงใหม่หรือเชียงราย ติดตามฟื้นฟูและป้องกันอุทกภัย วางแผนกิจกรรมแอ่วเหนือ-ลอยกระทง กำหนดเกณฑ์จ่ายค่าล้างโคลน เร่งแจ้งเตือนภัย หารือเพื่อนบ้านเรื่องดินถล่ม “แอ่วเหนือคนละครึ่ง” ยังไม่สรุป พิจารณา 2 แนวทาง: คนละครึ่ง/หนึ่งแถมหนึ่ง คาดชัดเจนสัปดาห์หน้า เริ่ม 1 พ.ย.

4.กระทรวงคมนาคมจะลงนามแก้สัญญากับ BEM ธันวาคมนี้ ลดค่าทางด่วนเหลือ 50 บาทตลอดสาย เริ่มมกราคม 2568 พร้อมยกเลิกด่านประชาชื่นและอโศก 3 เพิ่มช่องอัตโนมัติ ลดช่องเงินสด เจรจา BEM สร้างทางด่วนชั้น 2 งามวงศ์วาน-พระราม 9 มูลค่า 3.4 หมื่นล้าน แลกขยายสัมปทาน 22 ปี 5 เดือน คาดช่วยลดค่าเดินทางประชาชน 1,200-3,000 ล้านบาท/ปี

5.รัฐบาลเร่งศึกษานโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายทุกสาย โดยกระทรวงคมนาคมและกระทรวงการคลังจะร่วมกันศึกษาความคุ้มค่าและแหล่งเงินทุน มีแนวคิดจัดตั้งกองทุนเพื่อซื้อคืนสัมปทานรถไฟฟ้า โดยหวังให้ประชาชนใช้บริการในราคา 20 บาทตลอดสายทุกสายได้ภายในเดือนกันยายน 2568 ทั้งนี้ รถไฟฟ้าสายสีแดงและสีม่วงได้เริ่มใช้อัตรานี้แล้ว ส่งผลให้มีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้น 50%

6.ราคาน้ำมันลดลงเนื่องจาก IEA คาดการณ์น้ำมันล้นตลาดปีหน้า โดยความต้องการใช้ทั่วโลกจะเพิ่มเพียง 900,000 บาร์เรลต่อวันในปีนี้ และ 1 ล้านบาร์เรลต่อวันในปีหน้า จีนลดการใช้ลง 500,000 บาร์เรลต่อวันในเดือนสิงหาคม ขณะที่สหรัฐฯ เพิ่มการผลิต 1.5 ล้านบาร์เรลต่อวันทั้งปีนี้และปีหน้า นอกจากนี้ยังมีข่าวว่าอิสราเอลอาจโจมตีเป้าหมายทางทหารในอิหร่านแต่จะไม่กระทบแหล่งน้ำมัน

หุ้นแนะนำวันนี้ Top pick:

KTB: ราคาพื้นฐาน 24.00 บาท

เรายังคงมุมมองเชิงบวกต่อผลประกอบการใน 3Q24 ที่คาดจะออกมา +2% YoY ถึงแม้ Loan growth จะทรงตัว QoQ ก็ตาม เราคาดว่า KTB จะมีผลประกอบการที่ดีขึ้นใน 4Q24 เป็นต้นไป หลังการเบิกจ่ายภาครัฐที่กลับมาเร่งตัวมากขึ้น และคาดว่าจะบรรลุเป้าหมาย Loan growth ที่ 3% ได้ในปี 2024 นี้ นอกจากนี้เรามองว่า KTB จะเป็นธนาคารที่ได้รับประโยชน์จากการกระตุ้นเศรษฐกิจและการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐในปี 2025 ด้านคุณภาพสินทรัพย์มีความปลอดภัยสูง จาก MOU การหักหนี้จากเงินเดือนและมีเงินสำรองสูงที่สุดเป็นอันดับสองในกลุ่มธนาคาร ทั้งยังมีราคาต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐานเมื่อเทียบกับ ROE

SHR: ราคาพื้นฐาน 3.50

แม้เราคาดว่า SHR จะขาดทุน 68 ล้านบาทใน 3Q24 แต่ผลประกอบการโดยรวมยังคาดว่าจะดีขึ้น โดยรายได้เพิ่มขึ้น 5% จากไตรมาสก่อนหน้า และ 8% จากปีก่อนหน้า ผลดีมาจากการฟื้นตัวของโรงแรมในเครือ Outrigger และสหราชอาณาจักร อย่างไรก็ตาม การปรับปรุงโรงแรมในไทยและมัลดีฟส์ยังส่งผลกระทบ ทำให้บางแห่งไม่สามารถเปิดให้บริการ เต็มที่ รายได้จาก RevPar ในมัลดีฟส์ลดลง 10% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน แต่สำหรับ 4Q24 คาดว่าผลประกอบการโดยรวมจะฟื้นตัวได้ดีจากการเสร็จสิ้นการปรับปรุงโรงแรมหลายแห่ง และการเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น โดยเฉพาะในมัลดีฟส์และสหราชอาณาจักร ซึ่งจะช่วยเพิ่มรายได้และ RevPar เราคาดว่าในปี 2025 แนวโน้มน่าจะดีขึ้น เนื่องจากไม่มีแผนปรับปรุงโรงแรมเพิ่มเติม ซึ่งจะช่วยให้บริษัทมีกำไรเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากการปรับปรุงโรงแรม ทราย ลากูน่า ภูเก็ต เสร็จสิ้นในเดือนพฤศจิกายนปีนี้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพในการสร้างรายได้ของโรงแรมในประเทศ

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

  • วันพุธ ติดตามการประชุม กนง. ของไทย โดยตลาดคาดจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.50%
  • วันพฤหัสฯ ติดตามการประชุม ECB โดยตลาดคาดว่าจะปรับลด Deposit Facility Rate ลง 25 bps สู่ระดับ 3.25% ต่อด้วยการรายงานดัชนียอดค้าปลีกของสหรัฐ (US Retail sales) เดือน ก.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ +0.3% MoM เร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ +0.1% MoM และจำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก (Initial Jobless Claims) ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 2.58 แสนตำแหน่ง
  • วันศุกร์ ติดตามการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจของจีนอย่าง ตัวเลข GDP ใน 3Q24 ตลาดคาดการณ์ที่ +4.5% YoY ชะลอตัวลงจากไตรมาสก่อนหน้าที่ +4.7% YoY ต่อด้วยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (Industrial production) เดือน ก.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ +4.6% YoY เร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ +4.5% YoY และดัชนียอดค้าปลีก (Retail sales) เดือน ก.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ +2.5% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ +2.1% YoY
- Advertisement -