SUPER สุดสตรอง! พร้อมจ่ายคืนหุ้นกู้ 1.5 พันลบ.ตามนัด ตอกย้ำฐานะการเงินแกร่ง-หุ้นกู้ทุกรุ่นจ่ายครบตรงเวลา เร่งสร้างรายได้เพิ่มขึ้นทุกปี หนุนอนาคตเติบโตมั่นคง
บมจ.ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น (SUPER) เตรียมความพร้อมนำเงินสดชำระคืนหุ้นกู้ ครั้งที่ 2/2564 พร้อมดอกเบี้ย วงเงินหุ้นกู้รวม 1,500 ล้านบาท ตามกำหนดครบกำหนดไถ่ถอน วันที่ 21 ต.ค.นี้ สะท้อนสถานะการเงินแข็งแกร่ง ฟากซีอีโอ “จอมทรัพย์ โลจายะ” ระบุหุ้นกู้บริษัทฯ ทุกรุ่นได้ดำเนินการชำระดอกเบี้ย และไถ่ถอนครบตรงกำหนดทุกงวด และนำเงินที่ได้ไปใช้ตามแผนงานเพื่อสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจ พร้อมปักหมุดสร้างรายได้เพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกปี
นายจอมทรัพย์ โลจายะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (SUPER) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้เตรียมความพร้อมในการชำระคืนหุ้นกู้ที่ออกและเสนอขายหุ้นกู้ครั้งที่ 2/2564 ประเภทมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และไม่สามารถไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนวันครบกำหนดไถ่ถอน อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4.90% ต่อปี ชำระดอกเบี้ยทุกๆ 3 เดือน เสนอขายให้แก่ผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือ ผู้ลงทุนรายใหญ่ ซึ่งครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ 21 ตุลาคม 2567 จำนวน 1,500 ล้านบาท โดยชำระคืนพร้อมดอกเบี้ยให้กับผู้ถือหุ้นกู้ทั้งหมดรวมมูลค่าหลังหักภาษี ณที่จ่ายแล้ว 1,516.374 ล้านบาท เรียบร้อยแล้ว ซึ่งสามารถไถ่ถอนได้ตามกำหนด และถือเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งทางการเงินได้เป็นอย่างดี
“ที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้จ่ายดอกเบี้ยและคืนเงินหุ้นกู้ครบตามกำหนดทุกชุด เราให้ความสำคัญกับการเสนอขายหุ้นกู้ในแต่ละครั้งโดยจัดสรรอย่างเหมาะสมกับแผนการดำเนินธุรกิจ การบริหารจัดการทางการเงินด้วยความละเอียดรอบคอบ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้ถือหุ้นกู้ของบริษัทฯ ทุกราย ล่าสุดหุ้นกู้ชุดนี้ได้วงเงินกู้จากแบงก์กรุงเทพ และเงินทุนหมุนเวียนบริษัทฯ และถูกนำไปใช้ตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้อย่างถูกต้องและโปร่งใส เพื่อเสริมสร้าง และพัฒนาโครงการต่างๆตามแผนธุรกิจที่วางไว้” นายจอมทรัพย์ กล่าว
ในปี 2567 บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายการเติบโตรายได้ต่อเนื่อง และมีกำลังการผลิตไฟฟ้าในปีนี้รวม 1,656.11 เมกะวัตต์ ขณะเดียวกัน เตรียมความพร้อมขยายโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนในประเทศไทย เพิ่มอีก 300 – 500 เมกะวัตต์ ตามแผนการรับซื้อไฟของ กกพ. ที่คาดว่าจะเปิดรับซื้อไฟภายในปี 2567 และโครงการการขยายงานสัญญาซื้อขายไฟฟ้าภาคเอกชน (Private PPA) โครงการ SPP HYBRID เป็นต้น ซึ่งจะสนับสนุนการเติบโตในอนาคตอย่างแข็งแกร่ง และสร้างผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นให้กับผู้ถือหุ้นได้อย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบันมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ในมือรวม 2,353.79 เมกะวัตต์ COD แล้ว 1,626.11เมกะวัตต์ และเพิ่มกำลังการผลิตเชิงพาณิชย์เป็น 2,200 เมกะวัตต์ ในปี 2570