Daily Focus: อยู่ในช่วงทดสอบเป้าหมาย 1,500+- จุด

2024 SET Target: 1470

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวขึ้นทดสอบ 1,500 จุดและปรับลงมาปิดลบ 5.2 จุด ที่ระดับ 1,489.82 จุด มูลค่าการซื้อขายเพิ่มขึ้นเป็น 6.46 หมื่นลบ. การซื้อขายยังคงกระจุกตัวเหมือนหลายวันที่ผ่านมา โดยเป็นการขายทำกำไร GULF ADVANC INTUCH THCOM และกลุ่มไฟแนนซ์หลังยังไม่มีธพ.ปรับลดดอกเบี้ยตาม กนง. ยอดซื้อขายของนักลงทุนแต่ละประเภทค่อนข้างน้อย สถาบันในประเทศซื้อสุทธิในตลาดหุ้น 765 ลบ. นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 263 ลบ. (แต่ Long Index Futures ถึง 2.88 หมื่นสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index แกว่งตัว sideways ชะลอความร้อนแรงหลังปรับขึ้นแรง 20 จุดในสัปดาห์ที่ผ่านมา (ดัชนีที่ปรับขึ้นมาทั้งหมดเท่ากับการปรับขึ้นของ DELTA GULF INTUCH ADVANC) วันนี้นอกจากติดตามผลประกอบการของกล่มธนาคารที่เหลือทั้งหมด (4 ธนาคารที่ประกาศกำไรสุทธิแล้ว โดยรวมดีกว่าคาด คุณภาพหนี้ไม่เซอร์ไพรัส) ยังต้องติดตามการประชุมธนาคารกลางจีนเรื่องอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ตลาดคาดลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมเพื่อฟื้นฟู้เศรษฐกิจ โดยรวมโฟกัสของตลาดจะอยู่ที่ผลประกอบการ บจ. 3Q24 โดยหากกลุ่มธนาคารเริ่มต้นได้ดี จะช่วยหนุนความเชื่อมั่นต่อฝั่ง Real Sector ที่จะทยอยประกาศตามออกมาเรายังคงมุมมองเชิงบวกระยะกลาง-ยาวของ SET Index จาก Earnings Yield Gap ปัจจุบันที่ยังกว้างราว 4.2-4.3% สูงกว่าค่าเฉลี่ยที่ราว 3.7-3.8% สะท้อนถึง Upside ของดัชนีในปีหน้าอีกราว 100+- จุด ซึ่งใกล้เคียงกับ SET Target เบื่องต้นในปี 2025 ที่ 1,600+- จุด เรายังมองเป็นบวกต่อหุ้นในกลุ่ม Domestic Play โดยเฉพาะภาคการบริโภค ได้แก่ ไฟแนนซ์ ค้าปลีก อาหารเครื่องดื่ม ซึ่งจะได้อานิสงส์จากทั้งดอกเบี้ยที่ขยับลงและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากครม.ขณะที่ Downside ยังคงถูกจำกัดจากเม็ดเงินลงทุนของกองทุนวายุภักษ์

กลยุทธ์ : เลือกหุ้นที่คาดแนวโน้มกำไร 3Q24 แข็งแกร่ง // ส่วนที่สะสมในช่วงก่อนหน้ายังถือลงทุนต่อเนื่องระยะกลาง-ยาว

หุ้นเด่นเดือน ต.ค. : AOT, BCH, CBG, CPN, KCG

FSSIA Portfolio: AOT, CHG, CALL, CPN, GPSC, KCG, KTB, MTC, NSL, SHR, TU

หุ้นเด่น Finansia 21 ต.ค. 24 : CPN

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายปีนี้ที่ 83 บาท
  • กำไร 3Q24 อาจชะลอตามฤดูกาล แต่ทั้งปียังคาดโตสูง 13% y-y ในช่วงสิ้น 2Q24 CPN มี Backlog ที่อยู่อาศัยรอโอน 5.3 พันลบ. โดย 42% จะโอนใน 2H24 ทำให้รายได้จากที่อยู่อาศัยปีนี้โต 20% y-y ได้ไม่ยาก ส่วนโรงแรม Dusit Thani Bangkok (CPN ถือ 30%) เปิดให้บริการปลาย 3Q24 ยังไม่มีนัยยะต่อกำไร
  • น้ำท่วมมีผลจำกัดมากแต่อาจทำให้ traffic ของศูนย์การค้าลดไปบ้างระยะสั้นๆ เรายังคงคาดกำไรปี 2024-26 +6% CAGR โตมั่นคงจากแผนขยายงานชัดเจนทั้งศูนย์การค้า ที่อยู่อาศัย โรงแรม ออฟฟิศ ราคาหุ้น laggard เมื่อเทียบกับหุ้นขนาดใหญ่อื่นๆ น่าจะเป็นเป้าของการ rotate จากหุ้นใหญ่อื่นที่ปรับขึ้นร้อนแรงในช่วงก่อนหน้า
  • แนวรับ 67.25 บาท แนวต้าน 69-70 บาท 

Fund Flow : วันศุกร์กระแสเงินทุนพลิกมาไหลเข้าภูมิภาค US$1,087 ล้าน หลังจากขายต่อเนื่อง 4 วันก่อนหน้า แต่เม็ดเงินกระจุกในไต้หวัน US$1,451 ล้าน และไหลออกจากเกาหลีใต้ US$371 ล้าน ส่วนฝั่งอาเซียนเม็ดไหลเข้าอินโดนีเซีย US$19 ล้านและฟิลิปปินส์ US$3 ล้าน แต่ออกจากไทย US$8 ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนคาดไหลเข้าต่อหลัง GDP 3Q24 ของ จีนดีกว่าคาด

ประเด็นสำคัญวันนี้

(+) Banks ล่าสุดมี 4 ธนาคารที่ประกาศกำไรแล้วโดยมีกำไร 3Q24 รวม 2.07 หมื่นลบ. +5%q-q, +8% y-y ดีกว่าคาด 6% (BBL KKP ดีกว่าคาด ส่วน TTB TISCO ใกล้เคียงคาด)

(0) TTB มีกำไรสุทธิ 3Q24 เท่ากับ 5.23 พันลบ. -2% q-q, +10% y-y ต่ำกว่าเราและตลาดคาดเพียง 2% ส่วนกำไรก่อนสำรอง (PPOP) -2% q-q, -3% y-y ฉุดด้วยค่าใช้จ่ายดำเนินงานที่มากกว่าคาดเล็กน้อย (ค่าการตลาด, ค่า IT) ภาพรวมธุรกิจยังซบเซา โดยเฉพาะ NII ที่ลดลงต่อเนื่องตามสินเชื่อที่หดตัว ส่วน NIM เพิ่ม 4bps ดีกว่าคาด คุณภาพสินทรัพย์อยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้แม้ NPL จะขยับขึ้นมาเป็น 3.2% เราคงประมาณการกำไรปี 2024-26 โตเฉลี่ยถึง 12% CAGR สูงกว่ากลุ่มที่โต 5-6% แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายปีหน้า 2.52 บาทและคาด Div. yld. 7-8%

(0) KKP กำไรสูงกว่าเราและตลาดถึง 42% โดยมีกำไร 1.31 พันลบ. +70% q-q, y-y หลักๆมาจากสำรองที่ลดลง อย่างไรก็ตาม การขายขาดทุนรถยึดยังสูงอย่างมีนัยยะถึง 1.22 พันลบ. เทียบกับขาดทุน 1.07 พันลบ.ใน 1Q24 จากการเร่งขายมากขึ้น ส่วน PPOP -17% q-q, – 18% y-y จากค่าใช้จ่ายดำเนินงานสูงขึ้น สินเชื่อลดลงทุกภาคส่วนและลดมากกว่าคาด คุณภาพสินทรัพย์เปราะบาง NPL อยู่ที่ 4.1% เราคงประมาณการกำไรปี 2024-26 ที่ conservative -1.2% CAGR ยังคงแนะนำ “ถือ” รับปันผล คาดยีลด์ 5-6%

(-) OSP แนวโน้มกำไร 3Q24 อาจต่ำกว่าที่เคยคาด โดยน่าจะทำได้ 620 ลบ. -33% q-q, +10%y-y หากรวมการด้อยค่าโรงงานแก้วที่พม่าราว 800 ลบ. น่าจะขาดทุนสุทธิ 180 ลบ.กำไรที่ต่ำกว่าที่เคยคาดเพราะถูกกระทบจากน้ำท่วมในภาคเหนือและอีสาน รายได้จากทั้ง 2 ภาคคิดเป็น 60% ของรายได้ผ่านช่องทาง TT ส่งผลให้ส่วนแบ่งตลาดของ OSP ใน 3Q24 ลดลง (ตรงข้ามกับ CBG ที่ได้ส่วนแบ่งเพิ่มเพราะขายเยอะที่ภาคกลาง) เราเชื่อว่า OSP จะกลับมาฟื้นใน 4Q24 โดยต้องติดตามการปรับกลยุทธ์ของรายได้ในประเทศอีกครั้ง แนะนำ “รอซื้อ OSP หลังประกาศงบ” แนะ “เก็งกำไร CBG” แทน

(0) PRM เราคาดกำไรปกติ 3Q24 ลดลงเป็น 584 ล้านบาท 8.7% q-q, แต่ +68.4% y-y เพราะเรือ Aframax ถูกออกไปปรับปรุงก่อนจะนำกลับมาเข้างานอีกครั้งเดือน ธ.ค. และเรือ VLCC 1 ลำหยุดให้บริการ 20 วัน ส่วนเรือลำอื่นทำงานปกติ เรือจะทยอยกลับเข้าทำงานใน 4Q24 และเตรียมลำเรือ 2 ลำในปี 2025 เราปรับกำไรปกติปี 2024-26 เพิ่ม 18%/16/16% เป็นเติบโต 27%/8%/5% ตามลำดับ ปรับไปใช้ราคาเป้าหมายปี 2025 ที่ 10.50 บาท PRM มี PE ถูก 8x และ Div. Yid. สง 5.4-5.9% แนะนำ “ซื้อ”

(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 36.86 จุด หรือ +0.09% ปิดที่ 43,275.91 จุด เนื่องจากตลาดได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นเน็ตฟลิกซ์ (Netflix) หลังการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่ง และการปรับตัวขึ้นโดยรวมของหุ้นเทคโนโลยี

(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวก โดยได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ขณะที่การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางยุโรป (ECB) และการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนได้ช่วยหนุนตลาดยุโรปบวก ติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 2

(0) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดผสม โดยในสัปดาห์นี้ มีประเด็นภายในภูมิภาคที่นักลงทุน จับตามอง อาทิ 1) การประกาศ loan prime rate ของจีน และ 2) การเลือกตั้งของญี่ปุ่น

(0) ค่าเงินบาท แข็งค่า อยู่ที่บริเวณ 33.13 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ -0.25%

(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ร่วงลง 1.45 ดอลลาร์ หรือ 2.05% ปิดที่ 69.22 ดอลลาร์/บาร์เรล และร่วงลงมากกว่า 7% ในรอบสัปดาห์นี้ หลังจากการเปิดเผยข้อมูลบ่งชี้ว่า การขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีนชะลอตัวลง และนักลงทุนประเมินสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนในตะวันออกกลาง ในขณะที่เช้านี้บวกอยู่ที่ระดับ 70.88 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ +0.30%

(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 22.50 ดอลลาร์ หรือ 0.83% ปิดที่ 2,730.00 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยได้แรงหนุนจากความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นในตะวันออกกลาง, ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการเลือกตั้งในสหรัฐฯ และการคาดการณ์นโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย ซึ่งผลักดันราคาทองคำพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงเป็นประวัติการณ์ในขณะที่เช้านี้ทรงตัวอยู่ที่ระดับ 2,739.00 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ +0.33%

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 888.63/ +0.46%

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

15-21 ต.ค.ไทย: กลุ่มธนาคารประกาศงบ 3Q24
21 ต.ค.จีน: อัตราดอกเบี้ย 1 ปีและ 5 ปี

มาเลเซีย: GDP 3Q24

24 ต.ค.ยุโรโซน: HCOB Manufacturing and Services PMI Flash (ต.ค.)

ไทย: นำเข้า-ส่งออก (ก.ย.)

เกาหลีใต้: GDP 3Q24

25 ต.ค.เยอรมนี: ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ (ต.ค.)

สหรัฐฯ: ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน (ก.ย.) ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคและเงินเฟ้อคาดการณ์ของมิชิแกน (ต.ค.)

- Advertisement -