บล.กรุงศรีฯ:  

KSS Strategist Comment: US Election Update: ทีมกลยุทธ์ออกรายงานกลยุทธ์ลงทุนก่อนเลือกตั้งใหญ่สหรัฐฯ ระยะสั้นเรามองสินทรัพย์เสี่ยงก่อนการเลือกตั้ง 1-2 สัปดาห์ น่าจะแกว่งออกข้างเป็นหลัก รอความชัดเจนก่อนการเลือกตั้ง นักลงทุนควรเตรียมตัวปรับพอร์ตตามสถานะการณ์ดังที่ KSS ประเมินไว้ 4 กรณี ในระยะนี้ เบื้องต้น KSS  คงมุมมองบวกต่อแนวโน้ม SET Index หลังเลือกตั้ง น่าจะตอบรับช่วง Honeymoon Period รับผล US Election ไปก่อน อย่างไรก็ดี ผู้ต้องการลดความเสี่ยงจากผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ ล่วงหน้า  แนะนำ BANK (KTB), UTILITIES (GPSC, GULF), TELCO (ADVANC), Consumer Staples (CPALL), Health(BDMS, CHG), IE (WHA)

Key Ideas: กลยุทธ์ KSS ประเมินสถานการณ์การเลือกตั้งสหรัฐฯ 4 กรณี

1)  กรณี Red Wave (พรรค Republican ครองสภาบนและสภาล่าง) 

  • มองแนวนโยบาย American First อาทิ การลดภาษีนิติบุคคล และการยกระดับมาตรการกีดกันทางการค้า จะส่งผลบวกต่อการลงทุนตลาดหุ้นสหรัฐฯ และค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นจากสมมติฐานหลัก ซึ่งมาพร้อมกับความเสี่ยงแรงกดดันต่อเงินเฟ้อที่ลดระดับช้าลง กระทบวงจรดอกเบี้ยขาลงที่น่าจะช้ากว่าที่ตลาดประเมินไว้เดิม
  • กรณีนี้สร้างความผันผวนต่อสินทรัพย์เสี่ยงโลกในช่วงปลายปี 2024 – ต้นปี 2025 โดย EM  Assets จะผันผวนจาก Dollar Index ที่พลิกแข็งค่าขึ้นไว แต่อย่างไรก็ดี KSS ประเมินกลุ่ม TIPs จะผันผวนน้อยกว่า จากตลาดหุ้นกลุ่มนี้ มีสัดส่วนรายได้โดยตรงจากจีน+สหรัฐฯ ที่ต่ำกว่า 10% น้อยกว่า EM อื่นๆ ผสานนโยบายการเมืองระหว่างประเทศเป็นกลาง และตลาดหุ้นยังมี Valuation ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย อีกทั้งยัง Laggard  ภายใต้เศรษฐกิจที่กำลังขยายตัวเร่งขึ้น
  • ทางเลือกการลงทุนหุ้น คือ หุ้นที่ได้ประโยชน์/ทนทานต่อภาวการณ์กีดกันทางการค้า  นำโดยกลุ่มนิคมและกลุ่มส่งออกอาหาร รวมถึงหุ้น Domestic อาทิ ค้าปลีก สื่อสาร ร.พ. ธนาคาร
  • ทั้งนี้ เรามอง Red Wave จะส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับสูงขึ้นจากแรงกดดันเงินเฟ้อจากสงครามการค้า และส่งผลเชิงลบต่อการลงทุนในตราสารหนี้ ในระยะสั้น-กลาง

2)  กรณี Blue Wave (พรรค Democrat ครองสภาบนและสภาล่าง) 

  • นโยบายที่ตรงข้ามกับ Republican อาทิ ขึ้นภาษีเงินได้นิติบุคคลและบริษัทเป็นปกติที่ 28% (เดิม 21%) ผสาน การผลักดันนโยบาย Green Energy และรวมถึงใช้มาตรการกีดกันทางการค้าระดับใกล้เคียงปัจจุบัน จะช่วยให้ภาพวงจรเงินเฟ้อและดอกเบี้ยขาลงเดินหน้าต่อ Dollar จะอ่อนค่า
  • เร่งปรากฏการณ์ Search for Yield หนุน Fund Flow มายัง EM Asia รวมถึงไทยต่อเนื่อง หุ้นอิง Theme Data Center+ดอกเบี้ยขาลง  (โรงไฟฟ้า สื่อสาร เช่าซื้อ) ผสาน หุ้น Domestic ที่ฟื้นตัวตามเศรษฐกิจภายใน (ค้าปลีก ธนาคาร ท่องเที่ยว)
  • นอกจากนี้ ภาพ Blue Wave ยังเป็นบวกต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายและอัตราผลตอบแทนพันธบัตร ส่งผลเชิงบวกต่อการลงทุนตราสารหนี้โลก

3)  กรณี Republican President + Democratic Congress :  

  • เรามอง นโยบายหลักของพรรค Republican ที่จะถูกผลักดันจำกัดกว่ากรณี Red Wave ทั้งนี้ ในกรณีนี้เรามองค่อนข้างบวกต่อหุ้นสหรัฐ เนื่องจากทิศทางหลักเป็นนโยบายลักษณะ American First และการลดภาษี แม้จะทำได้ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยเท่ากับกรณี Red Wave
  • ตลาดหุ้นอื่นๆ จะเริ่มผันผวนต้นปี 2025 แต่ภาพ EM Asia จะผันผวนน้อยกว่ากรณี Red Wave โดยเฉพาะ TIPs ที่มีการปรับโครงสร้างการค้า และภาคการผลิตมาตั้งแต่ปี 2018-ปัจจุบัน และตลาดหุ้น TIPs ยังมีสัดส่วนรายได้โดยตรงจากสหรัฐฯและจีนต่ำ
  • แนะนำ หุ้นที่ได้ประโยชน์/ทนทานต่อภาวการณ์กีดกันทางการค้า  นำโดยกลุ่มนิคม หุ้นส่งออกอาหาร และหุ้น Domestic อาทิ ค้าปลีก สื่อสาร ร.พ. ธนาคาร
  • ในกรณีนี้เรามองอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะยังแกว่งตัวในกรอบ โดยมีโอกาสปรับขึ้นก่อนแกว่งตัวลง ให้รอจังหวะ ก่อนลงทุนรับวงจรเงินเฟ้อและดอกเบี้ยโลกขาลงแบบค่อยเป็นค่อยไปหลังจากนั้น มองเป็นกลางถึงบวกอ่อนๆต่อการลงทุนในพันธบัตร

4)  กรณี Democratic President + Republican Congress :   

  • เรามอง นโยบายหลักของพรรค Democrat จะถูกคัดค้านอย่างต่อเนื่องจากเสียงส่วนใหญ่ในสภาบน ที่มาจากขั้วตรงข้าม ส่งผลให้การผลักดันนโยบายเป็นไปได้อย่างจำกัดใน กรณีนี้เรามองเป็นกลางต่อหุ้นสหรัฐ แต่ Upside จำกัดจากระดับ Valuation ที่ตึงตัว และความเสี่ยงเศรษฐกิจอ่อนลงที่รออยู่
  • มอง Fund Flow จะทยอยไหลเข้า EM Asia รายประเทศ ขึ้นกับทิศทางการเติบโตทางเศรษฐกิจ ในกรณีนี้เรามองหุ้นไทยยังมีโอกาส “outperform” ได้ แต่จะต้อง Selective ตามปัจจัยกระทบที่ค่อนข้างสูง
  • หุ้นเด่นเรามอง Theme Data Center+ดอกเบี้ยขาลง  (โรงไฟฟ้า สื่อสาร เช่าซื้อ) ผสาน หุ้น Domestic ที่ฟื้นตัวตามเศรษฐกิจภายใน (ค้าปลีก ธนาคาร ท่องเที่ยว)
  • ในกรณีนี้เรามองอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะยังค่อยๆชะลอลงส่งผลให้ยังมีภาพเชิงบวกต่อการลงทุนในพันธบัตรเช่นเดียวกับกรณี Blue Wave

Strategy: ในระยะนี้ ผู้ต้องการลดความเสี่ยงจากผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ ล่วงหน้า  ให้เน้นลงทุนในหุ้น Theme US Election หุ้นได้ประโยชน์การเลือกตั้ง + กระแส FDI เข้าไทยที่ดีช่วงหลัง ผสาน หุ้น Domestic ที่หลบเลี่ยงผลกระทบได้ดี ดังนี้ BANK (KTB), UTILITIES (GPSC, GULF), TELCO (ADVANC), Consumer Staples (CPALL), Health(BDMS, CHG), IE (WHA)

- Advertisement -