Daily Focus: ยังอยู่ในช่วงพักฐานระยะสั้น // โฟกัสอยู่ที่กำไรบจ. 3Q24

2024 SET Target: 1470

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวลงค่อนข้างแรง ปิดลบ 18.42 จุดที่ 1,470.32 จุด มูลค่าการซื้อข่ายที่หนาแน่นขึ้นเป็น 5.7 หมื่นลบ. ทั้งจาก Sentiment ต่างประเทศในระยะหลังที่ไม่ดีนักโดยเฉพาะ Bond Yield สหรัฐฯ ที่ทยอยไต่ระดับขึ้น รวมถึงลดความเสี่ยงค่อนเข้าวันหยุดกลางสัปดาห์ สถาบันในประเทศและนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้น 691 ลบ. และ 1.7 พันลบ. ตามลำดับ (ต่างชาติ Short Index Futures อีก 8.8 พันสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index จะแกว่งตัวค่อนไปในแดนลบในกรอบ 1,455-1,465 จุด ถ่วงจากบรรยากาศการลงทุนต่างประเทศที่เป็นลบโดยเฉพาะฝั่งสหรัฐฯ Bond Yield และ Dollar Index ยังคงไต่ระดับขึ้นต่อเนื่อง หลังจากตลาดยังทยอยปรับลดคาดการณ์ FED ลดดอกเบี้ยที่เหลือปีนี้อีกเพียง 40 bps จากช่วงก่อนหน้าที่มองถึง 50-75 bps ขณะที่ด้านการเมืองหากทรัมป์กลับมาเป็นประธานาธิบดี ตลาดมองว่าอาจเป็นการขาดดุลการคลังที่สูงขึ้น ซึ่งเป็นอีกปัจจัยหนุน Bond Yield ภาพรวมทำให้ค่าเงินบาทกลับมาอ่อนค่าแตะ 33.80 บาท/ดอลลาร์กดดันกระแสเงินทุนให้ยังไหลออก เรามองดัขนีที่ปรับลงเกิดจากการทำกำไรระยะสั้น หลังจากปรับขึ้นโดดเด่นก่อนหน้า รวมถึงทางเทคนิคที่มีสัญญาณ Overbought เราคาดว่าตลาดจะโฟกัสที่การประกาศกำไร 3Q24 บจ. ซึ่งหากไม่ได้ต่ำกว่าคาดและไม่นำไปสู่การปรับลดประมาณการกำไรปี 2024-25 ลง เรายังเชื่อว่าดัชนีจะทยอยฟื้นตัวได้ต่อเนื่องในระยะกลาง-ยาว โดยหากประเมินจาก Earnings Yield Gap ปัจจุบันที่ยังกว้างราว 4.2-4.3% สูงกว่าค่าเฉลี่ยที่ราว 3.7-3.8% สะท้อนถึง Upside ของดัชนีในปีหน้าอีกราว 100+- จุด ซึ่งใกล้เคียงกับ SET Target เบื้องต้นในปี 2025 ที่ 1,600+- จุด เรายังมองเป็นบวกต่อหุ้นในกลุ่ม Domestic Play โดยเฉพาะภาคการบริโภค ได้แก่ ไฟแนนซ์ ค้าปลีก อาหารเครื่องดื่ม ซึ่งจะได้อานิสงส์จากทั้งดอกเบี้ยที่ขยับลงและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากครม. ขณะที่ Downside ยังคงถูกจำกัดจากเม็ดเงินลงทุนของกองทุนวายุภักษ์

กลยุทธ์ : เลือกหุ้นที่คาดแนวโน้มกำไร 3Q24 แข็งแกร่ง // ส่วนที่สะสมในช่วงก่อนหน้ายังถือลงทุนต่อเนื่องระยะกลาง-ยาว

หุ้นเด่นเดือน ต.ค. : AOT, BCH, CBG, CPN, KCG

FSSIA Portfolio: AOT, CHG, CALL, CPN, GPSC, KCG, KTB, MTC, NSL, SHR, TU

หุ้นเด่น Finansia 24 ต.ค. 24 : VIH

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายปี 2025 ที่ 15 บาท
  • VIH เป็นรพ. Chain ปัจจุบันมี 4 โรง 483 เตียง และเตรียมเปิดรพ.ใหม่ปลาย 2026 ที่จะเป็น tertiary care เราคิดว่าจะเป็นการ unlock VIH กลายเป็น รพ chain ที่ดีขึ้น ขณะที่ประเด็นประกันสังคมอาจมี upside จากเรื่องปรับราคา 3-7% ในช่วงต.ค. (ไม่ได้ปรับมา 2 ปี) และ AdjRW ที่น่าจะได้ปรับเพิ่มเช่นกัน
  • เราคาด EPS ปี 2024-25 เติบโต +9% y-y และ +14% y-y ตามลำดับ ด้านฐานะการเงินมีสถานะเป็น net cash จึงมีโอกาสที่จะทำ M&A เพื่อเพิ่มกำไรมา offset กับ loss ของรพ.ใหม่ในช่วงแรก ด้าน Valuation ปัจจุบันเทรด PER เพียง 15 เท่า เป็หนึ่งในรพ.ที่ถูกที่สุดในตลาด
  • แนวรับ 9 // 8.75 บาท แนวต้าน 9.60-9.80 บาท 

Fund Flow : ช่วง 2 วันที่ผ่านมากระแสเงินทุนพลิกมาไหลออกจากภูมิภาคสุทธิรวม US$510 ล้าน โดยค่อนข้างกระจายตัวสูงสุดที่อินโดนีเซีย US$183 ล้าน ส่วนไต้หวันและเกาหลีใต้ไหลออกประเทศละ US$121-150 ล้าน ฝั่งตลาดอาเซียนอื่นๆ เม็ดเงินยังคงไหลออกจากไทย US$49 และออกจากฟิลิปปินส์และเวียดนามบางๆ แนวโน้มกระแสเงินทุนคาดว่ายังอยู่ในทิศทางไหลออกหลัง Dollar Index และ Bond Yield ขยับขึ้นต่อเนื่อง ทำให้เม็ดเงินยังไหลออกจากสินทรัพย์เสี่ยง

ประเด็นสำคัญวันนี้

(0) กลุ่มธนาคาร 7 ธนาคารที่เรารศึกษามีกำไรสุทธิ 3Q24 รวมอยู่ที่ 54.8 พันลบ. +2.3% q-q +8.5% y-y ใกล้เคียงคาด จากผลขาดทุนทางเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (ECL) ที่ลดลง ในขณะที่กำไรก่อนหักสำรอง (PPOP) ชะลอตัว คุณภาพสินทรัพย์อยู่ในระดับที่จัดการได้ แม้ว่าสัดส่วนหนี้ด้อยคุณภาพ (NPL ratio) จะสูงขึ้นจากฐานสินเชื่อที่หดตัว คงน้ำหนักกลุ่มเท่ากับตลาด โดยมี KTB ราคาเป้าหมาย 23.50 บาท และ BBL ราคาเป้าหมาย 184 บาท เป็นหุ้น Top pick

(+) AP คาดกำไรสุทธิ 3Q24 ที่ 1.43 พันลบ. เพิ่มขึ้น 13% q-q จากคอนโด JV สร้างเสร็จใหม่ แต่ลดลง 16% y-y จากอัตรากำไรขั้นต้นลดลงและดอกเบี้ยจ่ายสูงขึ้น เราประเมินกำไรปรับดีขึ้นต่อเนื่อง q-q และ y-y ใน 4Q24 จากการรับรู้ Backlog ระดับสูง และการเน้นขายสต๊อกเหลือขายคงประมาณกำไร และราคาเป้าหมาย 10.80 บาท แนวโน้มกำไร 3Q-4Q24 แข็งแกร่ง คงคำแนะนำ “ซื้อ”

(+) MOSHI ปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรสุทธิ 3Q24 จาก 99 ลบ. เป็น 107 ลบ. เพิ่มขึ้น 32% q-q และ y-y ดีกว่าที่เคยคาด 10% จากตัวเลขล่าสุดที่ได้จากบริษัทพบว่า SSSG พลิกกลับเป็นบวก 5-6% จากเดิมที่เราคาดไว้ที่เพียง 4-5% y-y จากติดลบ 8.5% y-y ใน 2Q24 เพราะปัญหาขาดแคลนสินค้า เรายังคงคาดกำไรปี 2024 ที่ 451 ลบ. +12% y-y ส่วนปี 2025-26 เติบโตเฉลี่ย +22% CAGR หลักๆ จากการเพิ่มสาขา คงราคาเป้าหมาย 50 บาท แต่ upside จำกัด จึงปรับลดคำแนะนำเป็น “ถือ”

(0) HMPRO คาดกำไรสุทธิ 3Q24 ที่ 1.43 ลบ. -12% q-q, -7% y-y จาก SSSG ที่ยังคงติดลบ 6% จากกำลังซื้อที่ยังอ่อนแอใน 3Q24 มีเปิด HMPRO เพิ่มอีก 3 แห่ง อย่างไรก็ตามแนวโน้ม SSSG ครึ่งเดือนแรกของเดือนตุลาคมมีสัญญาณฟื้นตัวทั้ง HomePro และ MegaHome หนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและยอดขายเพิ่มขึ้นหลังภาวะน้ำท่วม เราปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2024-26 ลง 6-7% เพื่อสะท้อน SSSG ที่ต่ำกว่าคาด และปรับใช้ราคาเป้าหมาย ปี 2025 ที่ 13.20 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”

(-) SNNP คาดกำไรสุทธิ 3Q24 ที่ 164 ลบ. +1% q-q, +3% y-y จากการคุมต้นทุนค่าใช้จ่ายและปรับ Mix สินค้า ขณะที่รายได้ไม่สดใสจะปรับลงทั้ง q-q และ y-y ต่ำกว่าที่เคยคาด บริษัทปรับลดเป้ารายได้ปี 2024 เป็นทรงตัว y-y จากเดิม +10% Y-Y และคาดรายได้เวียดนามปี 2024 น่าจะลดลง y-y แนวโน้มกำไร 4Q24 จะเติบโตทั้ง q-q และ y-y ได้ต่อเนื่อง แต่อาจโตเพียง 2-3% เราปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2024-25 ลงเป็น +4% y-y และ +11% y-y ตามลำดับและปรับลดราคาเป้าหมายเป็น 15 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”

(-) ตลาดดาวโจนส์ ลดลง 409.94 จุด หรือ -0.96% ปิดที่ 42,514.95 จุด โดยตลาดได้รับปัจจัยลบจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ รวมทั้งการที่นักลงทุนมีความเชื่อมั่นน้อยลงว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลด อัตราดอกเบี้ยเชิงรุก และข่าวด้านลบของบริษัทบางแห่งซึ่งรวมถึงแมคโดนัลด์ (McDonald’s)

(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบ โดยหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ถ่วงตลาดลงมากที่สุด ขณะที่การเปิดเผยผลประกอบการที่อ่อนแอของธนาคารดอยซ์แบงก์และบริษัทลอรีอัลกดดันบรรยากาศการซื้อขาย

(-) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดลบ ตามทิศทางของตลาดสหรัฐฯ ที่ลบรุนแรงที่สุดในรอบเดือน ขณะที่ภายในภูมิภาคมีปัจจัยกดดันจาก GDP 3Q24 เกาหลีใต้ ที่เติบโตเพียง 1.5% y-y และต่ำกว่าตลาดคาดที่ +2.0% y-y

(-) ค่าเงินบาท อ่อนค่า อยู่ที่บริเวณ 33.50 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ +1.13%

(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 97 เซนต์ หรือ 1.35% ปิดที่ 70.77 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ขณะที่นักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์ในตะวันออกกลางอย่างใกล้ชิด ในขณะที่เช้านี้บวกอยู่ที่ระดับ 71.26 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ +0.69%

(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 30.40 ดอลลาร์ หรือ 1.10% ปิดที่ 2,729.40 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์และการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ เป็นปัจจัยกดดันตลาด ในขณะที่เช้านี้บวกอยู่ที่ระดับ 2,733.00 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ +0.13%

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 893.80/ +0.58%

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

24 ต.ค.ยูโรโซน: HCOB Manufacturing and Services PMI Flash (ต.ค.)

ไทย: นำเข้า-ส่งออก (ก.ย.), ยอดขายรถยนต์ในประเทศ (ก.ย.)

เกาหลีใต้: GDP 3Q24

25 ต.ค.เยอรมนี: ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ (ต.ค.)

สหรัฐฯ: ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน (ก.ย.) ดัชนี้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคและเงินเฟ้อคาดการณ์ของมิชิแกน (ต.ค.)

29 ต.ค.สหรัฐ: JOLTs Job Openings (ก.ย.)
30 ต.ค.สหรัฐ: GDP growth rate q-q Adv (Q3)

ยูโรโซน: GDP growth rate (Q3)

- Advertisement -