KS Daily View 30.10.2024 >>> Mag 7 และกลุ่มชิปขึ้นแรง ดัน Nasdaq All Time High กรอบ SET ที่ 1,440 – 1,470 แนะนำ MTC, BCH

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศวันนี้: ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดผสมผสาน Dow Jones -0.36%, S&P 500 +0.16%, Nasdaq Composite +0.78% และ Russell 2000 -0.27% โดยปัจจัยสนับสนุนมาจากตัวเลขเศรษฐกิจที่ผสมผสานโดยตำแหน่งงานเปิดใหม่ออกมาที่ 7.44 ล้านตำแหน่ง ทำระดับต่ำสุดตั้งแต่ต้นปี 2021 ในขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคออกมาที่ 108.7 มากกว่าคาดที่ 99.5 สูงสุดในรอบ 9 เดือน ทำให้ Bond Yield 10 ปี ของสหรัฐฯ ปรับตัวลงเล็กน้อยจากระดับ 4.30% มาที่ 4.25% นอกจากนี้ยังได้แรงหนุนจากหุ้นในกลุ่ม Magnificent Seven และกลุ่ม Semiconductors ซึ่งได้ทำให้ดัชนี Nasdaq Composite ขึ้นทำ All Time High

ตลาดหุ้นไทย ลดลงเล็กน้อยราว 2 จุด ปิดที่ระดับ 1,451.16 จุด การเคลื่อนไหวค่อนข้างผันผวนในกรอบที่บริเวณ 1,450 บวก/ลบ จากการที่ยังขาดปัจจัยบวกใหม่ กลุ่มหุ้นขนาดใหญ่ปรับตัวผสมผสานโดยที่กลุ่ม Electronics, Petrochemical และ Packaging ปิดลบแรงกดดันตลาด รวมถึง Energy, Bank และ Commerce ก็ปรับตัวลงเช่นกัน แต่กลุ่มที่ปรับตัวขึ้นมาเป็น Transport อย่าง AOT, ICT อย่าง INTUCH และ TRUE นักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิราว 1,700 ล้านบาท แต่นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิเป็นวันที่สองติดต่อกันที่ราว 570 ล้านบาท ยังมอง SET แกว่งตัวที่กรอบเดิม 1,440 – 1,470 แนะนำ MTC, BCH

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

1.ตำแหน่งงานว่างในสหรัฐฯ เดือนกันยายนลดลงเหลือ 7.44 ล้านตำแหน่ง จาก 7.86 ล้านตำแหน่งในเดือนก่อน นับเป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่ต้นปี 2021 และต่ำกว่าตลาดคาดที่ 8 ล้านตำแหน่ง โดยการเลิกจ้างเพิ่มขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่มกราคม 2023 และมีคนลาออกน้อยลง สะท้อนถึงตลาดแรงงานที่กำลังชะลอตัว อย่างไรก็ตามดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนตุลาคมกลับเพิ่มขึ้นสูงสุดตั้งแต่ต้นปี

2.รัฐมนตรีคลังหารือกับผู้ว่าการ ธปท. เรื่องกรอบนโยบายการเงินปี 2568 โดยยอมรับกรอบเงินเฟ้อ 1-3% แต่ต้องการให้ ธปท. มีมาตรการผลักดันให้เงินเฟ้อขึ้นไปใกล้ 2% และสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ ทั้งด้านอัตราดอกเบี้ยและอัตราแลกเปลี่ยน โดยคาดเศรษฐกิจปีนี้จะโต 2.7% และปีหน้า 3% พร้อมเตรียมออกมาตรการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนภายใน 2 สัปดาห์ โดยเฉพาะหนี้ที่อยู่อาศัย รถยนต์ และอุปโภคบริโภค เพื่อเปิดโอกาสให้เกิดการลงทุนใหม่

3.ททท. ลงนาม MOU กับวีซ่าเพื่อยกระดับการท่องเที่ยวด้วยนวัตกรรมทางการเงิน โดยความร่วมมือครอบคลุม 4 ด้าน ได้แก่ การส่งเสริมตลาดในโครงการ “5 Must Do in Thailand”, การขยายจุดรับชำระเงินในจังหวัดท่องเที่ยวหลัก, การจัดโปรโมชั่นร่วมกัน และการวิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรมการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยว โดยมุ่งเน้นตลาดนักท่องเที่ยวต่างประเทศ 23 ตลาดที่สร้างรายได้กว่า 80% ของรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด

4.อินโฟเควสท์ รายงานแหล่งข่าวจากคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดเผยว่า ค่าไฟงวดใหม่ (ม.ค.-เม.ย.68) ที่เรียกเก็บจากประชาชนทั่วไปมีแนวโน้มว่าอาจต่ำกว่าค่าไฟงวดปัจจุบันที่จัดเก็บในอัตรา 4.18 บาท/หน่วย เนื่องจากคาดว่าต้นทุนก๊าซมีโอกาสอ่อนตัวลงจากช่วงปลายปีนี้ที่ระดับ 13 ดอลลาร์/ล้านบีทียูหลังจากผ่านพ้นช่วงฤดูหนาว

5.การประชุมแก้ปัญหาค่ารักษาระหว่างประกันสังคมและโรงพยาบาลเอกชนรอบที่ 2 ยังไม่ได้ข้อสรุป โดยประกันสังคมเสนอจ่าย 12,000 บาทต่อหน่วยตลอดปี 2568 และขอข้อมูลต้นทุนค่าบริการจากทั้งโรงพยาบาลรัฐและเอกชน พร้อมจะปรับระบบตรวจสอบการให้บริการ ทั้งสองฝ่ายนัดประชุมครั้งสุดท้าย 3 ธันวาคม 2567 โดยมีโรงพยาบาลเอกชน 70 แห่งรอต่อสัญญา

6.จีนกำลังพิจารณาแผนกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่ากว่า 10 ล้านล้านหยวน (1.4 ล้านล้านดอลลาร์) โดยแบ่งเป็น 6 ล้านล้านหยวนสำหรับแก้ปัญหาหนี้ท้องถิ่นในระยะเวลา 3 ปี และ 4 ล้านล้านหยวนสำหรับให้รัฐบาลท้องถิ่นซื้อที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ในอีก 5 ปีข้างหน้า ซึ่งอาจได้รับการอนุมัติในการประชุมสภาวันที่ 4-8 พฤศจิกายนนี้ และอาจเพิ่มขึ้นอีกหากทรัมป์ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ

หุ้นแนะนำวันนี้ Top pick:

MTC: ราคาพื้นฐาน 55.50

เรามีมุมมองเชิงบวกต่อผลประกอบการใน 3Q24 โดยคาดว่าจะเติบโต 16% YoY และ 3% QoQ หนุนจากการเติบโตของพอร์ตสินเชื่อที่ 14% YoY และอัตราดอกเบี้ยที่น่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากจำนวนวันที่มากกว่าใน 2Q24 ด้านคุณภาพสินทรัพย์ของ MTC คาดว่าจะอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ โดยคาดการณ์ว่า NPL ใน 3Q24 จะทรงตัวที่ 2.9% และ Credit cost อยู่ที่ 2.3% โดยมีผลขาดทุนจากรถยึดที่ลดลง นอกจากนี้ MTC น่าจะได้รับอานิสงส์จากนโยบายแจกเงิน 10,000 บาท ส่งผลให้คาดการณ์ว่าผลประกอบการใน 4Q24 จะเติบโตทั้ง YoY และ QoQ จากการขยายตัวของพอร์ตสินเชื่อ และการลดลงของอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ (Cost to income) ซึ่งเป็นผลมาจากการควบคุมค่าใช้จ่ายและการแข่งขันที่ลดลง

BCH: ราคาพื้นฐาน 20.30

เรามีมองบวกมากขึ้นต่อการเจรจาระหว่างคณะกรรมการประกันสังคมกับโรงพยาบาลเอกชนที่รับผู้ประกันตนในการประชุมครั้งที่สอง โดยสำนักงานประกันสังคม (SSO) ได้ขอข้อมูลต้นทุนเพิ่มเติมจากโรงพยาบาลสมาชิกเพื่อวิเคราะห์อัตราการจ่ายที่ 12,000 บาทต่อ RW สำหรับการรักษาโรคที่มีต้นทุนสูงในปี 2568 คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในวันที่ 3 ธันวาคม ก่อนการเซ็นสัญญาสมาชิกกลุ่มโรงพยาบาลประกันสังคมปี 2568 โดยมีความเป็นไปได้สูงที่ประกันสังคมจะเพิ่มวงเงินต่อหัวต่อปีจาก 746 บาท เพื่อรองรับการจ่าย 12,000 บาทต่อ RW รายเดือน สำหรับ BCH เราคาดว่าจะมี Upside เพิ่มเติมหากมีความชัดเจนเกี่ยวกับกลุ่มผู้ป่วยคูเวตในปี 2568

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

  • วันพุธ ติดตามประมาณการของ GDP ใน 3Q24 ของยุโรปครั้งที่แรกเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าที่ 0.6% YoY ต่อด้วยประมาณการของ GDP ใน 3Q24 ของสหรัฐฯ ตลาดคาดการณ์ที่ 3.0% YoY ทรงตัวจากครั้งก่อนหน้า
  • วันพฤหัสฯ ติดตามรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของจีน (NBS PMI) เดือน ต.ค. เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 49.8 จุด ในส่วนของประเทศไทยติดตามตัวเลขส่งออก (Export) ของ ธปท. เดือน ก.ย. เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 11.4% YoY และตัวเลขนำเข้า (Import) เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 8.5% YoY ต่อด้วยนโยบายการเงินของธนาคารญี่ปุ่นโดยตลาดคาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ 0.25% และปิดท้ายด้วยรายงานดัชนีราคาการใช้จ่ายด้านการบริโภคส่วนบุคคล (PCE Price Index) เดือน ก.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ 2.1% YoY ชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ 2.2% YoY
  • วันศุกร์ ติดตามตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตของจีน (Caixin Manufacturing PMI) เดือน ต.ค. เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 49.3 จุด ในส่วนของสหรัฐฯ มีการรายงาน การจ้างงานนอกภาคการเกษตร (Nonfarm payrolls) เดือน ต.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 1.35 แสนตำแหน่งชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ 2.54 แสนตำแหน่ง ต่อด้วยตัวเลขอัตราการว่างงาน (Unemployment rate) เดือน ต.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 4.1% ทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า และปิดท้ายด้วย ตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตของสหรัฐฯ (ISM Manufacturing PMI) เดือน ต.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 47.6 จุดปรับตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 47.2 จุด
- Advertisement -