บล.ทรีนีตี้:

เอราวัณ กรุ๊ป– ERW คาดผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วใน 3Q64

  • รายงานขาดทุนจากการดำเนินงานปกติใน 3Q64 ที่ 623 ล้านบาท ขาดทุนสูงขึ้นจาก 556 ล้านบาทใน 2Q64 และ 514 ล้านบาทใน 3Q63
  • รายงานรายได้ที่ 226 ล้านบาท ปรับตัวลดลง 14% QoQ และ 47% YoY
  • ปรับคาดการณ์ขาดทุนสุทธิปี 2564-2565 สู่ระดับ 2.12 พันล้านบาท และ 943 ล้านบาท ตามลำดับ
  • คาดผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วใน 3Q64 มี Hop Inn เป็นกำลังหลักในการฟื้นตัวใน 4Q64 และการเพิ่มจำนวนสาขาในปี 2565
  • ปรับคำแนะนำขึ้นเป็น “เก็งกำไร” ที่ราคาเป้าหมายใหม่ 3.40 บาท

3Q64 Earnings Review

  • ERW รายงานขาดทุนจากการดำเนินงานปกติใน 3Q64 ที่ 623 ล้านบาท ขาดทุนสูงขึ้นจาก 556 ล้านบาทใน 2Q64 และ 514 ล้านบาทใน 3Q63
  • รายงานรายได้ที่ 226 ล้านบาท ปรับตัวลดลง 14% QoQ และ 47% YoY เนื่องจากผลกระทบของการ Lockdown และห้ามเดินทางข้ามจังหวัด ส่งผลให้มีอัตราการเข้าพักที่ลดลง
  • อัตราการเข้าพักใน 3Q64 (Ex Hop Inn) อยู่ที่ 10% ปรับตัวลดลงจาก 2Q64 ที่ 13% และจาก 3Q63 ที่ 14% ในขณะที่อัตราการเข้าพักของกลุ่ม Hop Inn อยู่ที่ 27% ปรับตัวลดลงจาก 2Q64 ที่ 31% และจาก 3Q63 ที่ 67%
  • RevPar (Ex Hop Inn) ปรับตัวลดลง 30% QoQ และ 40% YoY และ RevPar ของ Hop Inn ปรับตัวลดลง 15% QoQ และ 60% YoY จากอัตราการเข้าพักที่อ่อนแอ
  • Hop Inn ฟิลิปปินส์มีผลประกอบการฟื้นตัวได้ดีกว่าประเทศไทย และฟื้นตัวได้ดีในทุกไตรมาส โดยที่ RevPar ใน 3Q64 เติบโต 31% QoQ และ 187% YoY จากอัตราการเข้าพักที่สูงขึ้นสู่ระดับ 60% จาก 2Q64 ที่ 46% และ 3Q63 ที่ 20% หลังจากที่มีการคลาย Lockdown ในบางพื้นที่ ส่งผลให้มีการเดินทางระหว่างเมืองเพิ่มมากขึ้น โดยมีกลุ่มลูกค้าหลักเป็น Seafarers

ปรับคาดการณ์ขาดทุนสุทธิปี 2564-2565

ปรับคาดการณ์ขาดทุนสุทธิปี 2564 จาก 1.67 พันล้านบาท เป็น 2.12 พันล้านบาท เนื่องจาก 3Q64 ได้รับผลกระทบที่รุนแรงของ COVID-19 และปรับคาดการณ์ปี 2565 จากกำไรสุทธิ 334 ล้านบาท เป็นขาดทุนสุทธิ 943 ล้านบาท แม้ว่าจะเริ่มเห็นการฟื้นตัวใน 4Q64 แต่เราคาดว่า 1H65 จะยังต้องพึ่งพานักท่องเที่ยวในประเทศเป็นหลัก อย่างไรก็ดี เราคาดว่า ERW ได้ผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปแล้วใน 3Q64 และการฟื้นตัวของกลุ่ม Hop Inn ในประเทศช่วงเดือนต. ค. 2564 แสดงให้เห็นถึงกลุ่มลูกค้าที่มีความผันผวนต่ำ และสามารถฟื้นตัวได้เร็ว ทั้งนี้ใน 4Q64 คาดว่าจะมีกำไรพิเศษจากการขายโรงแรม Renaissance Samui และโรงแรม Ibis Samui Bophut เพื่อเป็นการเพิ่ม Liquidity

ปรับคำแนะนำจาก “ถือ” เป็น “ซื้อเก็งกำไร” ที่ราคาเป้าหมายใหม่ 3.40 บาท

ปรับคำแนะนำขึ้นเป็น “ซื้อเก็งกำไร” ที่ราคาเป้าหมายใหม่ 3.40 บาท (จาก 2.80 บาท) จากการอิง P/BV ที่ 2.6X หลังจากที่คาดว่าผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในช่วง 3Q64 และมองการฟื้นตัวในปี 2565 จากกลุ่ม Hop Inn ทั้งในประเทศและจากฟิลิปปินส์เป็นหลัก

ปัจจัยเสี่ยง

  • ความไม่สงบทางการเมืองในประเทศอาจส่งผลให้การท่องเที่ยวหดตัว
  • ความยืดเยื้อของ COVID-19 ที่ส่งผลกระทบทั่วโลก และความล่าช้าของการพัฒนา Vaccine
  • เศรษฐกิจโลกมีโอกาสเข้าสู่ Recession การใช้เงินอย่างระมัดระวังของผู้บริโภค
- Advertisement -