ปัจจัยลบยังหลอน SET / 1435-1,450
มุมมองตลาดหุ้นวันนี้
SET คาดแกว่งตัวลง: รับแรงกดดันจากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ทิศทางอัตราดอกเบี้ย และแรงขายของนักลงทุนต่างชาติ แต่อาจมีแรงพยุงจากการเข้าสู่ High season ของการท่องเที่ยวไทย และนโยบายกระตุ้นการท่องเที่ยว ปัจจัยลบนำโดย 1) การประกาศผลประกอบการ 3Q67 ของ SCC ซึ่งมีขนาด Market cap ใหญ่เป็นอันดับที่ 17 ในตลาดหุ้นไทย โดยออกมามีกำไรสุทธิ 721 ล้านบาท ลดลง 70.46%y-y และ 81%m-m จากการรับรู้ผลขาดทุนจากการปรับมูลค่าสินค้าคงเหลือ และได้รับผลกระทบจากเงินบาทที่แข็งค่า รวมถึงส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมที่ลดลง อาจกดดันราคาของหุ้นและดัชนีตลาด 2) ทิศทางอัตราดอกเบี้ยไทยที่คาดจะยังคงตัวที่ระดับปัจจุบัน 2.25% ไปก่อน หลังธปท. ย้ำกรอบเงินเฟ้อ 1-3% และอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปัจจุบันเป็นระดับที่เหมาะสมแล้วต่อภาวะเศรษฐกิจโดยรวม โดย กนง. จำเป็นจะต้องพิจารณาองค์ประกอบต่างๆ ประกอบกันทั้งอัตราดอกเบี้ย ค่าเงิน และองค์ประกอบอื่นทางเศรษฐกิจ ก่อนจะปรับเปลี่ยนดอกเบี้ยนโยบายอีกครั้ง และมองเศรษฐกิจที่เดินหน้าฟื้นตัวจะผลักดันให้เงินเฟ้อที่ต่ำกว่ากรอบขณะนี้กลับสู่กรอบเป้าหมายตามธรรมชาติ ในส่วนของสินเชื่อเริ่มเห็นการหดตัวตามคาด สอดคล้องกับความกังวลให้หุ้นกลุ่มค้าปลีก การเงิน และอสังหาฯ 3) GDP 3Q67 สหรัฐ ออกมาที่ 2.8%q-q ต่ำกว่าที่ตลาดคาดจะออกมาที่ 3.0%q-q กดดัน Upside ของตลาดหุ้นสหรัฐ ด้านปัจจัยบวกมองกลุ่มท่องเที่ยวจะค่อยๆ ฟื้นตัวจากการเข้าสู่ High season และยังมี Event เช่น เทศกาลลอยกระทง ปีใหม่ รวมถึงการมาเยือนไทยของ ลิซ่า Black pink ปัจจัยอื่นวันนี้ติดตามตัวเลข PMI ภาคการผลิต และการบริการ เดือน ต.ค. ของจีน, การประชุม BOJ, CPI เดือน ต.ค. ของยูโรโซน และ PCE เดือน ก.ย. ของสหรัฐ
กลยุทธ์การลงทุน : 1) ท่องเที่ยวแลเกี่ยวเนื่อง: AAV, AOT, AU, BA, ICHI, BTS 2) Data center: GULF, INSET, TRUE, WHAUP 3) เก็งงบ 3Q67: CPF, TU, BTG, ITC 4) ดอกเบี้ยไทยยังไม่ลง: BBL, BLA, KBANK, KTB, TLI และ 5) Selective: DELTA, TASCO, SISB
ปัจจัยบวก
- แหล่งข่าวระบุว่าจีนกำลังพิจารณาอนุมัติการออกเงินกู้เพิ่มเติมมูลค่ากว่า 10 ล้านล้านหยวน ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เพื่อกระตุ้นศก.ที่เปราะบาง โดยมาตรการทางการคลังนี้อาจขยายเพิ่มเติมออกไปอีก หากนายโดนัลด์ ทรัมป์ชนะการเลือกตั้งปธน.สหรัฐฯ
- นายกสมาคม บลจ. จับมือตลาดหลักทรัพย์ฯ จัดโปรโมตใหญ่กองทุน TESG ต้น พ.ย. คาดเม็ดเงินลงทุนสิ้นปีแตะ 3 หมื่นล้าน 9 เดือนแห่ออกกองใหม่รวม 55 กอง
- ICONSIAM ออกมาคอนเฟิร์มว่า ลิซ่า ลลิษา มโนบาลเตรียมจะมาร่วมแสดงงานเคาต์ดาวน์ที่ไอคอน สยาม ประเทศไทยในสิ้นปีนี้ ในงาน Amazing Thailand Countdown 2025 วันที่ 29-31 ธ.ค.2567
- กกร.ชี้ปัญหาสำคัญของเศรษฐกิจไทย คือ หนี้ครัวเรือนที่มาเหนี่ยวรั้งเศรษฐกิจไทย ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากเศรษฐกิจนอกระบบ นอกจากนี้ปัญหากับดักรายได้ปานกลาง และโครงสร้างระบบการเงินภายในประเทศ ยังเป็นเรื่องที่ต้องแก้ไขเพื่อดึงดูดการลงทุน
ปัจจัยลบ
- Toyota Motor เผยการผลิตทั่วโลกลดลงเป็นเดือนที่ 8 ติดต่อกันในเดือนก.ย.67 โดยลดลง 8% y-y เหลือ 826,556 คัน ซึ่งยอดการผลิตในสหรัฐฯลดลง 14% และยอดการผลิตในจีนลดลง 19%
- สศอ.เผย MPI ไทยเดือน ก.ย.67 ออกมาที่ 92.44 หดตัว 3.51%y-y ส่งผลให้ช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-ก.ย.67) หดตัวเฉลี่ย 1.75% หลังยอดการผลิตรถยนต์ปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 14 ต้นทุนพลังงานทรงตัวอยู่ในระดับสูง และการแย่งตลาดของสินค้านำเข้าราคาถูก
- รัฐบาลเวียดนามเปิดเผยว่า ซาอุดี อารัมโก (Saudi Aramco) ต้องการที่จะลงทุนในภาคการกลั่นน้ำมันและการจำหน่ายปิโตรเลียมในเวียดนาม เพิ่มการแข่งขันในตลาดน้ำมันปลายน้ำในกลุ่มประเทศ CLMV
- กระทรวงพาณิชย์ออกมาตรการห้ามส่งออกน้ำมันปาล์มดิบ หลังโรคระบาดทำให้ผลผลิตปาล์มออกมาน้อยกว่าที่คาด และทะลายปาล์มส่วนใหญ่ไม่สมบูรณ์ จึงจำเป็นต้องจำกัดการส่งออกเพื่อควบคุมปริมาณน้ำมันปาล์มภายในประเทศเพื่อเลี่ยงปัญหาการขาดแคลน
PICKS OF THE DAY
- เป้าหมาย 135.00 / 140.00 แนวรับ 128.00
- รายได้ Data center เติบโตได้ดี: จากแผนงานลูกค้า ณ ปัจจุบัน ธุรกิจ Data center และส่วนที่เกี่ยวข้องกับ AI-Data center (อยู่ในส่วนงาน Power electronics) จะเข้ามาสร้างรายได้ให้ DELTA ได้ดีต่อเนื่องไปอีก 3-6 เดือนข้างหน้า (รวม 4Q67) และจะเริ่มมีสินค้าประเภท power shelf, power supply units ที่ถูกพัฒนาจากฝั่งเยอรมันเข้ามาเพิ่มใน 4Q67 หลังจากนี้
- หุ้นผู้นำด้าน AI ในไทย: DELTA มีการสร้างโรงงานใหม่ที่นิคม wellgrow 3 และ 4 และ นิคมบางปู(D13, D14, D15) ขยายธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับด้าน AI อย่างต่อเนื่อง ปัจจุบัน Data center รวมถึง AI-Data center มีสัดส่วนราว 35-36%ของรายได้ คาดว่าจะเติบโตได้ดีในปีหน้า
- เป้าหมาย 12.50 / 12.80 แนวรับ 12.10
- คาด 4Q67 ขาดทุนน้อยลง : จากผลประกอบการ 3Q67 ที่ผ่านมา ขาดทุน 810 ลบ. +4.4%y-y ,-0.1%q-q สาเหตุจากรายได้หลัก +4.2%y-y และ EBITDA +16.5% y-y ,+2.7% q-q หากนับตั้งแค่ควบรวมกิจการ บริษัทมี EBITDA เติบโตติดต่อกันต่อเนื่อง 7 ไตรมาส ทางฝ่ายคาดผลประกอบการ 4Q67 ขาดทุนน้อยลงจากการรับรู้รายได้ธุรกิจมือถือและธุรกิจออนไลน์เพิ่มขึ้น โดยได้รับอานิสงส์จากช่วง High season ของธุรกิจมือถือและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล
- ลุ้นข่าวดีจากการประมูลคลื่นความถี่ที่กำลังจะมาถึงใน 1Q68 : กสทช. ประกาศแผนการจัดการประมูลคลื่นความถี่โทรคมนาคมย่าน 850MHz,1500MHz, 2100MHz, และ2300MHz รอบใหม่ภายใน 1Q68 ทางฝ่ายคาดการณ์ TRUE มีแนวโน้มจะประมูลใบอนุญาตคลื่นความถี่เพียงบางคลื่น เนื่องจากปัจจุบัน TRUE มีความถี่ในคลื่นย่านต่างๆ อยู่มาก เราจึงมองเป็นปัจจัยบวกด้านการประหยัดต้นทุนของ TRUE