บล.พาย:

CREDIT: Thai Credit Bank PCL

กำไรกลับมาเติบโตในปี 2025

เราปรับคำแนะนำเป็น “ซื้อ” ด้วยมูลค่าพื้นฐานที่ 27 บาท ผลการดำเนินงานที่โดดเด่นของ CREDIT ใน 3Q24 ทั้งการขยายสินเชื่อ การเพิ่มขึ้นของ NIM และสำรองหนี้ฯ ลดลง ทำให้แนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2024-26 ดีกว่าคาด เราปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2024-26 เพิ่มขึ้น แต่ยังคาดว่ากำไรในปี 2024 จะลดลง 6% เนื่องจากกำไรในช่วง 1H24 ที่อ่อนแอ และคาดกำไรจะกลับมาขยายตัว 9.8%/13.7% ในปี 2025-26 ด้านผลกำไรสุทธิใน 3Q24 อยู่ที่ 1.2 พันล้านบาท (+17.8% YoY, +41.7% QoQ) คุณภาพสินเชื่อทรงตัว NPL ratio อยู่ที่ 4.5% และ Coverage ratio ทรงตัวที่ 146.7%

การประชุมนักวิเคราะห์

  • แม้ผู้บริหารจะใช้กลยุทธ์การเติบโต และคาดว่าสินเชื่อเติบโตเท่าตัวใน 3-5 ปี แต่ยอมรับว่าจะเพิ่มความระมัดระวัง โดยเฉพาะกลุ่ม SME เนื่องจากเศรษฐกิจฟื้นตัวเปาะบาง โดยมองว่านโยบายการแจกเงินคนละ 1 หมื่นบาท ช่วยกลุ่มเปราะบาง แต่เป็นผลบวกแค่ในระยะสั้น
  • คุณภาพสินเชื่อมีเสถียรภาพภาพมากขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากการติดตามหนี้เข้มงวดขึ้น และการใช้สิทธิขอรับเงินค่าประกันกับทาง บยส. เพิ่มขึ้น โดยใช้สิทธิไป 2 พันลบ. ใน 9M24 จากราว 2.5-2.7 พ้นลบ. ในปี 2024 และแนวโน้มเพิ่มขึ้นเป็น 3 พันลบ. ในปี 2025 แต่ด้วยผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วม และวันหยุดในช่วงปลายปีทำให้แนวโน้มสำรองหนี้ฯ เพิ่มขึ้น QoQ ใน 4Q24 โดยคาดว่า NPL ratio สิ้นปี 2024 ทรงตัว QoQ ที่ 4.5% และยังคงมุมมองเชิงอนุรักษ์นิยมต่อเนื่อง ด้าน Credit cost ในอนาคตที่ราว 3.0-3.5% ของสินเชื่อใกล้เคียงกับในปี 2024
  • การปรับลดอัตราดอกเบี้ยมีผลกระทบจำกัดต่อ NIM และสามารถ จัดการได้ CREDIT มองว่าการปรับลดดอกเบี้ยส่งผลบวกต่อคุณภาพสินเชื่อในกลุ่ม SME ที่ดีขึ้น
  • การลงทุนด้าน IT ยังทำต่อเนื่องและเป็นสิ่งจำเป็น ทำให้ cost to income ratio ในปี 2024 จะสูงกว่าในปี 2023 ที่ 36.7%

คาดกำไรจะกลับมาเติบโตในปี 2025

  • ผลการดำเนินที่แข็งแกร่งใน 3Q24 โดยเฉพาะการควบคุมคุณภาพสินเชื่อ ทำให้ภาระสำรองหนี้ฯ ลดลง และแนวโน้มผ่อนคลายมากกว่าคาดในปี 2025-26 โดยเราปรับประมาณการกำไรสุทธิในปี 2024-26 เพิ่มขึ้น 14.1%/10.9%/10.2% ตามลำดับ
  • ใน 4Q24 ปัจจัยฤดูกาลที่ค่าใช้จ่ายการดำเนินงานสูงขึ้น เราคาดว่ากำไรสุทธิใน 4Q24 จะลดลง QoQ แต่กำไรจะปรับสูงขึ้น YOY เพราะรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น และสำรองหนี้ฯ ลดลง แต่ด้วยผลการดำเนินงานที่อ่อนแอใน 1H24 ทำให้กำไรสุทธิในปี 2024 จะลดลง 6% YoY เป็นการปรับลดลงลงครั้งแรกในรอบ 5 ปี
  • ในปี 2025/26 เราคาดกำไรสุทธิจะกลับมาขยายตัว 9.8%/13.7% ที่เนื่องจาก (1) รายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้นล้อกับการขยายสินเชื่อ (2) credit cost ทรงตัว ที่ 3% และ (3) cost to income ratio ลดลงที่
    39.3/38.8%

ปรับคำแนะนำเป็น “ซื้อ” มูลค่าพื้นฐาน 27.00 บาท

เราปรับคำแนะนำเป็น “ซื้อ” จาก “ถือ” และเพิ่มมูลค่าพื้นฐานเป็น 27 บาท (เดิม 21.00 บาท) คำนวณด้วยวิธี Gordon growth model (ROE 15% Long term growth 2%) อิง 1.3x PBV’25E และ 9.0x PE’25E

สรุปผลการดำเนินงานใน 3Q24

  • กำไรสุทธิงวด 3Q24 ออกมาแข็งแกร่งที่ 1.2 พันล้านบาท (+17.8% YoY, +41.7% QoQ) กำไรที่ขยายตัว YoY และ QoQ เนื่องจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิขยายตัว และสำรองหนี้ฯ ปรับลดลง
  • NIM ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 8.6% (+5 bps YoY, +13 bps QoQ) เกิดจากอัตราผลตอบแทนสินทรัพย์เสี่ยงสูงขึ้นจากการขยายตัวของสินเชื่อกลุ่ม High yield ด้าน Cost to income ratio (CIR) เพิ่มขึ้นเป็น 39.9%
  • สินเชื่อขยายตัว 3.8% QoQ เนื่องจากการเติบโตในกลุ่มลูกค้าหลักทั้งสินเชื่อธุรกิจไมโครเอสเอ็มอี และสินเชื่อนาโนและไมโครเครดิตเพื่อคนค้าขาย ส่งผลให้สินเชื่อใน 9M24 ขายตัวแข็งแกร่ง 9.3% YTD
  • คุณภาพสินเชื่อทรงตัว NPL ratio อยู่ที่ 4.5% และสัญญาณของสินเชื่อทุกกลุ่มมีคุณภาพที่ดีขึ้น ขณะที่อัตราส่วนการตั้งสำรองหนี้ฯ ต่อหนี้เสีย (Coverage ratio) ทรงตัวที่ 146.7%

- Advertisement -