KS Daily View 25.10.2024 >>> ประเมินดัชนี SET Index วันนี้แกว่งตัวในกรอบ 1,440 – 1,460 รอความชัดเจนของการเลือกตั้งสหรัฐ แนะนำการลงทุนในหุ้น PTTEP และ STGT
แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศ:
ประเมินดัชนี SET Index วันนี้แกว่งตัวในกรอบ 1,440 – 1,460 และปริมาณการซื้อขายที่ลดลงเกิดจากการรอความชัดเจนของการเลือกตั้งสหรัฐที่จะรู้ผลในอาทิตย์หน้าที่จะส่งผลต่อทิศทางของค่าเงิน USD และดอกเบี้ยนโยบายในปี 2025 สำหรับ US ในขณะที่ตัวเลข GDP ของ US ใน 3Q24 ล่าสุดประกาศขยายตัว 2.8% ต่ำกว่าคาดการณ์แต่การบริโภคขยายตัว +3.7%QoQ มากกว่าคาด นอกจากนี้การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้น 233,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 1 ปี ส่งผลให้แนวโน้มทิศทาง Fed fund rate อาจจะลดลงได้ช้ากว่าที่คาดไว้เบื้องต้น สำหรับตลาดในประเทศคาดปัจจัยที่ต้องติดตามคือนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ใน 2 เดือนสุดท้าย เช่น มาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยว ความคืบหน้าของการแจกเงินหมื่นเฟส 2 เป็นต้น นอกจากนี้เราคาดกลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิตจากกำแพงภาษีที่คาดว่าจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอนไม่ว่าใครจะชนะการเลือกตั้งครั้งนี้ก็ตาม อย่างเช่น นิคมอตุสาหกรรม จะเป็นกลุ่มที่ outperform ตลาดในช่วงนี้
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำลงทุนในหุ้น PTTEP และ STGT
ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:
- 1.กระทรวงพาณิชย์ของจีนแถลงคัดค้านการเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่ผลิตในจีนโดยสหภาพยุโรป (EU) ซึ่ง EU กำหนดภาษีสูงสุดถึง 45.3% เพื่อตอบโต้รถ EV จากจีนที่ถูกกล่าวหาว่าได้รับเงินอุดหนุนอย่างไม่เป็นธรรม ข่าวจาก CNBC ระบุว่า EU เรียกเก็บภาษีเพิ่มเติม 7.8% สำหรับรถยนต์เทสลา และสูงถึง 35.3% สำหรับรถของบริษัทเอสเอไอซี (SAIC) นอกจากอัตราภาษีมาตรฐาน 10% ที่ EU เรียกเก็บอยู่แล้ว จีนระบุว่าการสอบสวนของ EU ไม่มีความสมเหตุสมผลและเป็นการกีดกันทางการค้าอย่างไม่ยุติธรรม จึงยื่นฟ้องต่อ WTO เพื่อปกป้องสิทธิของบริษัทจีน
- 2.กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 สำหรับ GDP ของ 3/2567 ในวันนี้ โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 2.8% ในไตรมาสดังกล่าว ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 3.0% หลังจากมีการขยายตัว 3.0% ในไตรมาส 2/2567 และ 1.4% ในไตรมาส 1/2567 และ Core PCE ปรับตัวขึ้น 2.2% ใน 3/2567 และการบริโภคขยายตัว +3.7%QoQ มากกว่าคาด
- 3.รัฐมนตรีกระทรวงการคลังของไทย นาย พิชัย ชุณหวชิร คาดการณ์อยากเห็น GDP ปี 2568 จะเติบโตได้ 3.5% จาก ปี 2567 ที่มีโอกาสโตได้ที่ 2.7% และคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อของไทยควรอยู่ในระดับที่เหมาะสมราว 2% โดยเน้นการเร่งแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนและส่งเสริมการลงทุนต่างชาติด้วยการให้สิทธิ์เช่าที่ดินระยะยาวถึง 99 ปี เพื่อดึงดูดการลงทุนในไทย ขณะที่หนี้ครัวเรือนยังสูงถึง 89% ของ GDP.
- 4.ADP เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้น 233,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 1 ปี หรือนับตั้งแต่เดือนก.ค.2566 และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 113,000 ตำแหน่ง หลังจากเพิ่มขึ้น 159,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. นอกจากนี้ ADP เปิดเผยว่า ตัวเลขค่าจ้างเพิ่มขึ้น 4.6% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายปี หลังจากเพิ่มขึ้น 4.7% ในเดือนก.ย.
- สำนักงานสถิติแห่งชาติเยอรมนีเปิดเผย GDP ของเยอรมนี ขยายตัว 0.2% ในไตรมาสที่ 3/2567 เมื่อเทียบกับช่วงสามเดือนก่อนหน้า โดยได้รับแรงหนุนจากการใช้จ่ายของรัฐบาลและภาคครัวเรือน ตัวเลขขยายตัวดังกล่าวผิดไปจากที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะหดตัว และจึงช่วยให้เศรษฐกิจเยอรมนีสามารถหลีกเลี่ยงภาวะถดถอยมาได้ โดยภาวะเศรษฐกิจถดถอยหมายถึงการที่ GDP หดตัวลงสองไตรมาสติดต่อกัน
หุ้นแนะนำวันนี้ Top pick:
- PTTEP: ราคาพื้นฐานที่ 174.00 บาท
เราคงมุมมองเชิงบวกต่อ PTTEP หลังจากประกาศงบใน 3Q24 โดยผู้บริหารกล่าวในการประชุมนักวิเคราะห์ครั้งล่าสุดคาดว่าจะไม่มีการตั้งสำรองด้อยค่าของโครงการ Mozmbique ใน 4Q24 เพิ่มเติมหลังจากผู้รับเหมาสามารถกลับเข้าดำเนินการก่อสร้างได้ต่อ และคาดว่าจะยังสามารถเริ่มผลิตก๊าซครั้งแรกได้ตามกำหนดในช่วง 3Q28-1Q29 ซึ่งส่งผลทำให้ downside risk ของประมาณการกำไรปี 2024 ของเราที่ 77.6 พันล้านบาท หายไป นอกจากนี้คาดว่ากำไรปกติใน 4Q24 จะออกมาในระดับทรงตัว QoQ จากปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นแต่จะถูกชดเชยด้วยราคาน้ำมันที่ลดลง อย่างไรก็ตาม PTTEP ยังน่าสนใจในเชิง valuation และเงินปันผล - STGT: ราคาพื้นฐาน 12.00 บาท
เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ STGT จากทั้งงบใน 3Q24 ที่คาดว่าจะออกมาแข็งแกร่งและยังสามารถเติบโตได้ต่อเนื่องใน 4Q24 ทั้งในส่วนของ volume และราคาขายต่อชิ้นที่ที่ยังสามารถปรับเพิ่มขึ้นได้ นอกจากนี้เรามองว่า STGT จะได้ประโยชน์เชิงบวกหลังจากที่ US ได้ปรับภาษีนำเข้าถุงมือยางจากจีนเพิ่มสูงขึ้นเป็น 50% และ 100% ในปี 2025 และ 2026 ตามลำดับ คาดมีโอกาสที่การแข่งขันมีโอกาสลดลงโดย ส่วนต่างระหว่างราคาขายที่จีนกับในอาเซียนลดลงเหลือเพียง 5% จากในอดีตที่เคยสูงถึง 20% ในช่วงที่ผ่านมา
รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ
- วันพฤหัสฯ ติดตามรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของจีน (NBS PMI) เดือน ต.ค. เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 49.8 จุด ในส่วนของประเทศไทยติดตามตัวเลขส่งออก (Export) ของ ธปท. เดือน ก.ย. เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 11.4% YoY และตัวเลขนำเข้า (Import) เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 8.5% YoY ต่อด้วยนโยบายการเงินของธนาคารญี่ปุ่นโดยตลาดคาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ 0.25% และปิดท้ายด้วยรายงานดัชนีราคาการใช้จ่ายด้านการบริโภคส่วนบุคคล (PCE Price Index) เดือน ก.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ 2.1% YoY ชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ 2.2% YoY
- วันศุกร์ ติดตามตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตของจีน (Caixin Manufacturing PMI) เดือน ต.ค. เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 49.3 จุด ในส่วนของสหรัฐมีการรายงาน การจ้างงานนอกภาคการเกษตร (Nonfarm payrolls) เดือน ต.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 1.35 แสนตำแหน่งชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ 2.54 แสนตำแหน่ง ต่อด้วยตัวเลขอัตราการว่างงาน (Unemployment rate) เดือน ต.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 4.1% ทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า และปิดท้ายด้วย ตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตของสหรัฐ (ISM Manufacturing PMI) เดือน ต.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 47.6 จุดปรับตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 47.2 จุด