บล.กรุงศรีฯ:

เก่งหลังเกมส์  

📈SET Index ปรับขึ้น +2.30 จุด (+0.16%) ปิดที่ระดับ 1,469.72 จุด ส่วน มูลค่าการซื้อขาย 5.54 หมื่นล้านบาท (จำนวนหุ้นปรับขึ้น 185 บริษัท, หุ้นปรับลง 310 บริษัท)  หุ้นกลุ่มที่ปรับขึ้นพยุงดัชนี คือ กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ (DELTA) และกลุ่ม ICT (ADVANC, INTUCH) ส่วน Sector ที่ปรับลงกดดัชนี คือ กลุ่มโรงพยาบาล (BH, BDMS) 

หุ้นที่เคลื่อนไหวโดดเด่น คือ

STA +0.96%

ปรับขึ้นตอบรับราคายาง TOCOM ปรับ +3.66%d-d  ปิดที่ 365 JPY/kg หนุนต่อศรีตรังซึ่งจำหน่ายยางธรรมชาติแบบครบวงจร แนะนำ Trading buy ที่ target price 22 บาท

CCET +22.81% 

ปรับขึ้นแรงจาก 1.) นักลงทุนเก็งกำไรจากการเข้า MSCI small cap ในหุ้นเข้าออกคำนวณดัชนีรอบใหม่ รวมถึง   2.)นักวิเคราะห์ของเรามอง CCET มีแนวโน้มที่จะมีกำไรเพิ่มขึ้นอย่างมากในปีนี้และปีหน้า หลังจากบริษัทได้ปรับโครงสร้างต้นทุนการดำเนินงานและการเงินตั้งแต่ไตรมาสที่ 1 ปี 2024 เป็นต้นมา ความต้องการชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ทั่วโลกก็คาดว่าจะฟื้นตัว นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีการขยายโรงงานขนาดใหญ่ซึ่งคาดว่าจะเริ่มการผลิตในปริมาณมากได้ภายในสิ้นปีนี้ 

BH -8.78%

ปรับลงแรงตอบรับ งบ3Q24 ที่ออกมาแย่กว่าที่เราคาดโดย กำไรสุทธิ 3Q24 ที่ 1,955 ลบ. (ทรงตัว y-y +1%q-q) ต่ำกว่าเราคาด -9% เนื่องจาก 1) รายได้ธุรกิจ รพ. (-5%y-y +2%q-q) ลดลง y-y ทั้งกลุ่มต่างชาติและชาวไทย 2) มี Gross margin 51.6% ลดลง q-q จากการเปิดเตียงเพิ่ม และสัดส่วนรายได้ต่างชาติลดลง    และ แนวโน้ม 4Q24F คาดกำไรสุทธิทรงตัว y-y แต่ลดลง q-q ตามปัจจัยฤดูกาล คงกำไรสุทธิปี 24F ที่ 7,782 ลบ. (+11%y-y) ส่วนปี 25F คาดกำไรสุทธิ (+4%y-y) กลับมาเติบโตอัตราปกติ แนะนำ Trading Buy สำหรับ BH (TP 290 บาท)

PTTGC +5.71% 

ปรับขึ้นแม้งบ 3Q24 ที่ขาดทุนสุทธิ -19,312 ลบ. พลิกขาดทุน y-y, q-q แย่กว่าเราและ ตลาดคาด แต่อาจไม่ได้กดดันราคาหุ้น เพราะ บริษัทเลือกตั้งด้อยค่าฯทัง้หมด ในไตรมาสเดียว (ส่วนใหญ่ non-cash) ซึ่งเรามองเป็นจุด bottom out ของปี มอง 4Q24F จะขาดทุนน้อยลง q-q และพลิกมีก าไรใน 2025F ฟื้นจากฝ่ังปิโตรเคมีที่ ค่าใช้จ่ายคงที่ ลดลง หลัง optimize asset ฯลฯ เราปรับคำแนะนำขึ้นเป็น Trading Buy ที่ TP25F = 30.0

WHART -1.5%, CPNREIT -3.28%

หุ้นปรับลงมีจิตวิทยาลบ จาก US bond Yield ปรับขึ้น แรง ขึ้นรับทรัมป์เป็นประธานาธิบดี   อิง อายุ 2 ปี ปรับขึ้น +8 bps  อยู่ที่ 4.26% ทำจุดสูงสุดในรอบ 4 เดือน   แต่เรามองการปรับขึ้นของ US bond Yield ใกล้ผ่านจุดพีค อาจมองเป็นจุดกลับตัวและอาจเริ่มสะสมหุ้นกลุ่ม Property Fund & REITS

SCGP -6% 

หุ้นปรับลงมีจิตวิทยาลบจากประเด็น MSCI ประกาศผลการ Rebalance หุ้นเข้า – ออก (การ Rebalance จะมีผลราคาปิดวันที่ 25 พ.ย.)  โดย หุ้น SCGP ในรอบนี้เป็นหุ้นที่ออกจาก MSCI Global Standard

- Advertisement -