บล.พาย
MEGA: Mega Lifesciences PCL
คาดกำไรปกติ 3Q24 ดีขึ้น YoY
คาดรายงานกำไรสุทธิ 3Q24 ที่ 355 ล้านบาท (-34%YoY) หลังตัดรายการขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนจะมีกำไรปกติ 3Q24 ที่ 655 ล้านบาท (+2%YoY, -7%QoQ) ผลจากยอดขายยาและอาหารเสริมที่เติบโตดี แม้ว่าจะมีค่าใช้จ่ายจากการทำกิจกรรมส่งเสริมการขายในกลุ่มสินค้า (วิตามินและอาหารเสริม) ใกล้เคียงกับช่วง 1H24 ซึ่งคาดว่าจะทยอยลดลงใน 4Q24 ขณะที่ธุรกิจจัดจำหน่ายลดลง YoY ผลจากการบริโภคที่ชะลอตัว ทำให้รายได้จัดจำหน่ายส่วนสินค้าอุปโภคบริโภคลดลง แม้ว่ายอดขายยาจะเติบโต YoY ขณะที่ภาพระยะกลางบริษัทยังคงเป้าหมายการเติบโตปี 2025 ที่จะเพิ่มขึ้นเท่าตัวจากปี 2019 ขณะที่มูลค่าหุ้นน่าดึงดูด ปัจจุบันซื้อขายเพียง 15xPE’25E ยังต่ำกว่า -1SD ของค่าเฉลี่ยการซื้อขายในรอบ 5 ปี เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” มูลค่าพื้นฐาน 48.00 บาท
Branded business หนุนผลประกอบการโต YoY
- คาดรายได้จากธุรกิจ Mega We Care (ยาและอาหารเสริม) จะเติบโตเป็น 2 พันล้านบาท (+6%YoY, -5%QoQ) ใน 3Q24 จากยอดขายยาที่เติบโต บวกกับมีการเพิ่มขึ้นของยอดขายจากสินค้าใหม่ และการทำ กิจกรรมส่งเสริมการขายในกลุ่มสินค้า (วิตามินและอาหารเสริม) แม้การบริโภคมีทิศทางชะลอตัวลง เราคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ธุรกิจ Mega We Care ที่ 65.5% ใน 3Q24 ใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 65.3% ใน 3Q23 และ 66.0% ใน 2Q24
- คาดรายได้จากธุรกิจจัดจำหน่าย (Maxxcare’s) จะลดลง YoY ที่ 1.7 พันล้านบาท (-7%Yoy) ใน 3Q24 สืบเนื่องจากกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ลดลง จากภาวะเงินเฟ้อ ทำให้รายได้จัดจำหน่ายส่วนสินค้าอุปโภคบริโภคลดลงแม้ว่ายอดขายยาจะเติบโต YoY ขณะที่คาดว่า GPM ของหน่วยธุรกิจนี้จะใกล้เคียงกับ 2Q24
- คาดอัตราส่วนค่าใช้จ่ายการขายและบริหารต่อยอดขายจะเพิ่มขึ้นเป็น 28.7% ใน 3Q24 จาก 26.8% ใน 3Q23 และใกล้เคียงกับ 28.8% ใน 2Q24 ผลจากการทำกิจกรรมส่งเสริมการขายที่มากขึ้น
คาดกลับมาโตในปี 2025 จากสินค้าใหม่ที่ออกไปในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา
เราคาดว่ายอดขายธุรกิจยาและอาหารเสริม (Mega We Care) จะขยายตัว 5%YoY ในปี 2024 แต่ต่ำกว่าเป้าหมายของบริษัทที่ราว 7%-9% หนุนจากการออกสินค้าใหม่ในช่วงที่ผ่านมากว่า 70 รายการในช่วง 2022-24 ทั้งในหมวดยา (สัดส่วน 70%) และอาหารเสริม (สัดส่วน 30%) ซึ่งยาส่วนใหญ่จะอยู่ในหมวดทางเดินหายใจ เบาหวาน โรคหัวใจ โรคกระดูก และเนื้องอกมะเร็ง ขณะที่รายได้ธุรกิจจัดจำหน่าย (Maxxcare’s) คาดว่าจะทรงตัว YoY ใกล้เคียงกับเป้าหมายของบริษัท เนื่องจากยาและเวชภัณฑ์ในประเทศเมียนมานำเข้าจากต่างประเทศ และไม่มีผู้ผลิตในประเทศ ซึ่งสินค้าของ MEGA ได้รับการรับรองมาตรฐานสากล แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยภาวะกำลังซื้อในเมียนมาที่ลดลง ทำให้การจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคยังไม่สามารถเติบโตได้ YoY นอกจากนี้ปี 2026 จะได้แรงหนุนจากยอดขายในอินโดนีเซียที่เพิ่มขึ้น หลังทยอยนำสินค้าเข้าไปขาย รวมถึงผลิตสินค้าและขาย หลังจากเข้าซื้อโรงงานผลิตยาในช่วง 3 ปีที่แล้ว
คงคำแนะนำ “ซื้อ” มูลค่าหุ้นน่าดึงดูด
มูลค่าพื้นฐานที่ 48.00 บาท คำนวณด้วยวิธีคิดลดกระแสเงินสด (DCF) ด้วย WACC 10% และ TG 3% เทียบเท่า 16xPE’24E หรือ -1SD ของค่าเฉลี่ยการซื้อขายในรอบ3ปี และคิดเป็นส่วนลด 50% จากค่าเฉลี่ยกลุ่มการแพทย์และโรงพยาบาลในไทย