บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์:

Berli Jucker Plc. บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน)

ผ่านพ้นจุดต่ำสุดใน 3Q64 กำไรทยอยฟื้นตัวตั้งแต่ 4Q64

  • ยอดขายงวด 4Q64 ฟื้นตัวดีขึ้นจาก 3Q64 และดีขึ้น YoY ขณะรายได้พื้นที่เช่าฟื้นตัวดีขึ้น แต่ยังลดลง YoY
  • ผู้บริหารมองว่าผลประกอบการจะกลับไปสู่ระดับปกติเท่าปี 62 ยังต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2 ปี
  • เชื่อว่ากำไรผ่านพ้นจุดต่ำสุดในงวด 3Q64 และจะทยอยฟื้นตัวดีขึ้นเป็นลำดับ บวกกับมี upside 12.2% จากราคาเป้าหมาย 65 คงคำแนะนำ “ซื้อ”

ประเด็นการลงทุน

  • ยอดขายงวด 4Q64 ฟื้นตัวดีขึ้นจาก 3Q64 และดีขึ้น YoY ขณะรายได้พื้นที่เช่าฟื้นตัวดีขึ้น แต่ยังลดลง YoY โดยในส่วนของธุรกิจ BIGC ยอดขายสาขาเดิมจนถึงปัจจุบันเริ่มเป็นบวก low single digit YoY ขณะรายได้พื้นที่เช่าดีขึ้นจากงวด 3Q64 อย่างชัดเจน เพราะสามารถกลับมาให้บริการได้ตามปกติ ยกเว้นรร. กวดวิชาที่ยังเปิดให้บริการไม่ได้ และไม่ต้อง waive ค่าเช่าเหมือนส.ค.64 รวมถึงส่วนลดค่าเช่าดีขึ้นจากงวด 3Q64 ซึ่งสูงเกือบ 20% เหลือเพียงกว่า 10% ขณะอัตราการใช้พื้นที่เช่าเพิ่มขึ้นจาก 85% เป็น 88% แต่ยังต่ำกว่างวด 4Q63 ซึ่งอยู่ที่ราว 91% โดยผู้ประกอบการรายย่อยขอลดลงสัญญาเช่าจาก 3 ปี เหลือเพียง 1 ปี เนื่องจากยอดขายของผู้เช่ายังไม่กลับมาสู่ระดับปกติ ซึ่งเป็นปัจจัยกดดันให้กำไรงวด 4Q64 มีโอกาสเติบโต YoY ค่อนข้างยาก แม้ธุรกิจอื่นของ BJC ทั้งธุรกิจผลิตและจัดหน่ายสินค้าบริโภคและอุปโภค ธุรกิจบรรจุภัณฑ์แก้วและกระป๋อง รวมถึงธุรกิจจำหน่ายวัสดุและเครื่องมือแพทย์มีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้นทั้ง YoY และ QoQ
  • ผู้บริหารมองว่าผลประกอบการจะกลับไปสู่ระดับปกติเท่าปี 62 ยังต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2 ปี เนื่องจากสาขาของ BIGC ที่ยอดขายสูงสุด 5 อันดับแรก มีสาขา ราชดำริ พัทยา และภูเก็ต ซึ่งพึ่งพิงรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวจีนทั้งยอดขายและพื้นที่เช่า ซึ่งผู้เช่ามียอดขายดีจากนักท่องท่องต่างชาติตามไปด้วย โดยการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างเป็นทางการตั้งแต่ 1 พ.ย. ที่ผ่านมา แม้มีนักท่องเที่ยวกลับมาแล้ว แต่จำนวนนักท่องเที่ยวจะกลับมาสู่ภาวะปกติยังต้องใช้ระยะเวลาอีกอย่างน้อย 1-2 ปี เป็นผลให้เราคาดว่ากำไรสุทธิในปีนี้ยังคงลดลงต่อเนื่องจากปีก่อนหน้าราว 10% และฟื้นตัวดีขึ้นราว 33% ในปีหน้า หลังสถานการณ์โควิดดีขึ้นและไม่มีผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์เหมือนในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา

คำแนะนำ

  • ราคาเป้าหมายปี 2565 อยู่ที่ 39 บาท มี upside 12.2% ยังคงคงแนะนำ “ซื้อ” โดยเชื่อว่าผลประกอบการผ่านพ้นช่วงต่ำสุดในงวด 3Q64 ไปแล้ว และกำลังทยอยดีขึ้นเป็นลำดับ

ปัจจัยเสี่ยง

การแข่งขันที่สูงมากในกลุ่ม Hyper Market และเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวชัดเจน การกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติน้อยกว่าคาด รวมถึงต้นทุนน้ำมันที่สูงขึ้นกระทบต่อต้นทุน logistic อาจฉุดการเติบโตของยอดขายกำไรขั้นต้น และประสิทธิภาพในการทำกำไร

- Advertisement -