HL เผยผลโรดโชว์ได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างล้นหลาม เตรียมเสนอขาย IPO จำนวน 72 ล้านหุ้น เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai คาดเปิดให้นักลงทุนจองซื้อ พร้อมส่งหุ้นเข้าเทรดได้ภายในไตรมาส 4/64 ชูจุดเด่นเป็นธุรกิจร้านขายยาแบบครบวงจรรายแรกของไทยที่มีศักยภาพระดมทุนในตลาดหุ้น เผยหลังเข้าระดมทุนพร้อมยกระดับเป็นองค์กรที่ได้มาตรฐาน เพิ่มความเชื่อมั่นให้กับคู่ค้าทั้งในและต่างประเทศ  ตลอดจนเพิ่มฐานทุนให้แข็งแกร่ง รองรับแผนการขยายธุรกิจ รุกขยายสาขาใหม่ ปรับปรุงสาขาเดิม พร้อมใช้เป็นทุนหมุนเวียน ต่อยอดธุรกิจนวัตกรรมแห่งอนาคต เพื่อผลักดันการเติบโตอย่างยั่งยืน

ภก.ธัชพล ชลวัฒนสกุล  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เฮลท์ลีด จำกัด (มหาชน) หรือ HL เปิดเผยว่า บริษัทมีความพร้อมในการเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักรทัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ซึ่งการเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ mai ในครั้งนี้ จะนำเงินที่ได้ไปใช้ในการขยายสาขาใหม่ และปรับปรุงสาขาเดิม ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนสาขารวม 25 สาขา โดยตั้งเป้าหมายที่จะมีการขยายสาขาปีละ 4-5 แห่ง รวมทั้งนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการต่อยอดธุรกิจนวัตกรรมแห่งอนาคต

ขณะที่ภาพรวมผลประกอบการในช่วงที่ผ่านมา กลุ่มบริษัทมีรายได้รวมจำนวน 791.21 ล้านบาทในปี 2561, จำนวน 915.51 ล้านบาทในปี 2562 และ 1,080.11 ล้านบาทในปี 2563 คิดเป็นอัตราการเพิ่มขึ้น 15.71% และ17.98%  สำหรับปี 2562 และ 2563 ตามลำดับ สำหรับงวด 6 เดือนแรกของปี 2564 กลุ่มบริษัทมีรายได้รวมจำนวน 556.76 ล้านบาท

ขณะที่กำไรสุทธิของกลุ่มบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด จากจำนวน 0.39 ล้านบาทในปี 2561 เพิ่มเป็น จำนวน 21.77 ล้านบาทในปี 2562  และเป็นจำนวน 52.08 ล้านบาท ในปี 2563  ส่วนงวด 6 เดือนแรกของ ปี 2564 กลุ่มบริษัทมีกำไรสุทธิจำนวน 32.29 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิร้อยละ 5.80 โดยอัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งอยู่ที่ 5.09% และเพิ่มขึ้นจากปี 2563 ซึ่งอยู่ที่ 4.82% จากการบริหารต้นทุนและค่าใช้จ่ายได้ดีขึ้น ส่วนของอัตรากำไรขั้นต้นของปี 2563 อยู่ที่ 21.89% และงวด 6 เดือนของปี 2564 อยู่ที่ 22.27% อันเนื่องมาจากยอดขายที่เพิ่มขึ้น ทำให้มีอำนาจการต่อรองกับซัพพลายเออร์เพิ่มขึ้น

สำหรับบริษัท เฮลท์ลีด จำกัด (มหาชน) หรือ HL ประกอบธุรกิจลงทุนในบริษัทอื่น (Holding Company) ปัจจุบันบริษัทได้ลงทุนในบริษัทย่อย 2 แห่งได้แก่ บริษัท ไอแคร์ เฮลท์ จำกัด ซึ่งบริษัทถือหุ้น 100 % โดยไอแคร์ เฮลท์ ประกอบธุรกิจหลักคือ ธุรกิจร้านขายยา จำหน่ายยา เวชภัณฑ์ เวชสำอาง ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร อุปกรณ์การแพทย์ และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพต่างๆ รวมกว่า 10,000 รายการ เพื่อให้ครอบคลุมความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย โดยจำหน่ายผ่านร้านขายยาทั้งหมด 4 แบรนด์  ปัจจุบันมี 25 สาขา ได้แก่ iCare 10 สาขา, PharmaX 11 สาขา, vitaminclub 3 สาขา และ Super Drug 1 สาขา และบริษัท เฮลทิเนส จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทถือหุ้น 100% โดยประกอบธุรกิจหลักคือ คิดค้น และพัฒนาร่วมกับทีมวิจัยภายนอก รวมทั้งว่าจ้างผู้ผลิต เพื่อจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมเพื่อสุขภาพ ภายใต้ 2 แบรนด์ ดังนี้ PRIME เป็นแบรนด์เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ที่คัดสรรวัตถุดิบคุณภาพจากทั่วทุกมุมโลก มีผลิตภัณฑ์จำนวนทั้งหมด 24 SKU และ Besuto เป็นแบรนด์เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรม ซึ่งมีผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อ ผลิตภัณฑ์สลายกลิ่น และผลิตภัณฑ์หน้ากาก ซึ่งมีจำหน่ายทั้งหมด 9 SKU โดยส่วนใหญ่จำหน่ายผ่านร้านค้าปลีกของกลุ่มบริษัท

ด้านนายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินในการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไป (IPO) ของ บริษัท เฮลท์ลีด จำกัด (มหาชน) หรือ HL ประเมินว่า HL จะสามารถเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนครั้งแรก (IPO) จำนวน 72 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็น 26.47% และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ภายในไตรมาส 4/64

ขณะเดียวกันอยู่ในอุตสาหกรรมสุขภาพ  ทำให้คนส่วนใหญ่หันมาให้ความสำคัญในการดูแลสุขภาพมากขึ้น ส่งผลให้ความต้องการยา หรือผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพิ่มขึ้น ซึ่งจะเป็นปัจจัยสนับสนุนการเติบโตได้ต่อเนื่อง ที่สำคัญการเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ จะทำให้ชื่อเสียงขององค์กรและแบรนด์เป็นที่ยอมรับมากขึ้น ทั้งยังช่วยสร้างฐานทุนให้แข็งแกร่ง มีแหล่งระดมทุนที่หลากหลาย สามารถรองรับการขยายธุรกิจ เพื่อสนับสนุนการเติบโตได้เป็นอย่างดี” นายสมภพ กล่าว

*************************************

- Advertisement -