บล.โกลเบล็ก:

SAINTMED PLC. (SMD) เพิ่มคาดการณ์กำไรปี 64 และ 65 จากส่งมอบสินค้าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ใน 3Q64

  • รายงานกำไร 3Q64 ที่ 191 ลบ. เติบโต 189% QoQ และเติบโตอย่างมีนัยสําคัญ YoY
  • ปรับเพิ่มประมาณการรายได้ และกำไรปี 64 สู่ 1,454 ลบ. และ 308 ลบ.
  • คงประมาณการรายได้ แต่ปรับเพิ่มกำไรปี 65 สู่ 195 ลบ.
  • คงคําแนะนํา “ซื้อ” พร้อมเพิ่มราคาเหมาะสมปี 65 สู่ 20.40 บาท

ประเด็นสำคัญในการลงทุน:

  • รายงานกำไร 3Q64 ที่ 191 ลบ. เติบโต 189% QoQ และเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ YoY: รายได้ 3Q64 เติบโต 699 ลบ. +112% QoQ และ +391% YoY โดยได้แรงหนุนจากยอดขายสินค้ากลุ่มเวชบำบัดวิกฤต และกลุ่มการช่วยหายใจ และเวชศาสตร์การนอนหลับ ที่เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากเป็นเครื่องมือที่จำเป็นต่อการรักษาโรค COVID-19 นอกจากนี้ยังมีความจำเป็นในการตั้งโรงพยาบาลสนาม ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวขึ้นจาก 42.1% ใน 2Q64 สู่ 43.6% ใน 3Q64 เนื่องจากมีความต้องการสินค้าสูง ช่วยหนุนให้ราคาจำหน่ายปรับตัวขึ้นด้านอัตราค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายปรับตัวลงจาก 16.6% ใน 2Q64 สู่ 8.7% ใน 2Q64 เนื่องจากรายได้เติบโตเร็วกว่าค่าใช้จ่าย ส่งผลให้บริษัทมีกำไร 3Q64 ที่ 191 ลบ. เติบโต 189% QoQ และเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ YoY และรายงานกำไร 9M64 ที่ 265 ลบ. เติบโต 562% YoY และมากกว่าประมาณการกำไรทั้งปี 64 ที่ 133 ล้านบาท
  • ปรับเพิ่มประมาณการรายได้และกำไรปี 64 สู่ 1,454 ลบ. และ 308 ลบ.: ฝ่ายวิจัยปรับประมาณการรายได้และกำไรเพิ่มขึ้นจากประมาณการเดิม 47% และ 133% ตามลำดับ หลังรายได้และกำไร 9M64 สูงกว่าประมาณการเดิมทั้งปี โดยรายได้ที่ปรับตัวขึ้นได้รับแรงหนุนจากความต้องการสินค้ากลุ่มเวชบำบัดวิกฤต และกลุ่มการช่วยหายใจตามความต้องการที่สูงขึ้นเพื่อดูแลผู้ป่วย COVID-19 นอกจากนี้ยังได้รับแรงหนุนจากกระทรวงมหาดไทย กำหนดให้อาคารสูงกว่า 8 ชั้นต้องมีเครื่องกระตุกหัวใจอัตโนมัติ (AED) ขณะที่ปรับเพิ่มสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นจาก 41% สู่ระดับ 42.5% (อัตรากำไรขั้นต้น 9M64 อยู่ที่ 42.8%) ด้านอัตราค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเทียบกับรายได้จะลดลงจาก 24% สู่ 13.8% เนื่องจากรายได้เติบโตเร็วกว่าค่าใช้จ่าย และมีการประหยัดจากขนาด ส่งผลให้เราปรับเพิ่มประมาณการรายได้และกำไรปี 64 จาก 991 ลบ. และ 132 ลบ. สู่ 1,454 ลบ. และ 308 ลบ. เติบโต 120% และ 297% ตามลำดับ
  • คงประมาณการรายได้ แต่ปรับเพิ่มกำไรปี 65 สู่ 195 ลบ.: เราคงประมาณการรายได้ที่ 1,091 ลบ. ลดลง 25% YoY เนื่องจากคาดว่าสถานการณ์ COVID-19 จะคลี่คลาย ส่งผลให้ความต้องการสินค้ากลุ่มเวชบำบัดวิกฤต และกลุ่มช่วยหายใจลดลง เนื่องจากฐานสูงในปี 64 ที่มีความต้องการสินค้าดังกล่าวสำหรับโรงพยาบาลสนาม ขณะที่เราปรับเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นจาก 40% สู่ 41% เนื่องจากการบริหารต้นทุนสินค้าของบริษัทมีประสิทธิภาพมากขึ้น และปรับลดคาดการณ์ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลงจาก 267 ลบ. เหลือ 193 ลบ.  เนื่องจากต้นทุนส่วนใหญ่เป็นต้นทุนคงที่ ส่งผลให้เราปรับประมาณการกำไรเพิ่มขึ้นจาก 142 ลบ. สู่ 195 ลบ.  แต่หดตัว 37% จากปี 64 ที่ฐานสูง
  • คงคำแนะนำ “ซื้อ” พร้อมเพิ่มราคาเหมาะสมปี 65 สู่ 20.40 บาท: ฝ่ายวิจัยประเมินมูลค่าด้วยวิธี Prospective P/E โดยอ้างอิง P/E Ratio เฉลี่ยย้อนหลัง 1 ปี พร้อมปรับลดด้วย 1.5S.D. (เนื่องจากในปัจจุบันเป็นการเติบโตที่สูงกว่าปกติจาก COVID-19) ของบริษัทในอุตสาหกรรมเดียวกัน อาทิ SMD TM และ Consumer Product- mai ท่ี 22.43 เท่า (ไม่ใช้ P/E Ratio ของ WINMED มาคำนวณ เนื่องจากเป็น outliner ซึ่งแสดงตามตารางด้านล่าง) ได้ราคาเหมาะสมปี 65 เพิ่มข้ึนจาก 17.50 บาท สู่ 20.40 บาท ซึ่งราคาเหมาะสมใหม่ที่ประเมินได็สูงกว่าราคาปิดล่าสุด จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ”

ปัจจัยเสี่ยง

i) ส่งมอบสินค้าล่าช้าเนื่องจากผู้ผลิตทยอยส่งมอบ เพราะมีความต้องการสูงทั่วโลก

ii) เงินบาทอ่อนส่งผลกระทบต่อต้นทุนการนำเข้าสินค้า

iii) สถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ในไทยกลับสู่ภาวะปกติ

- Advertisement -