สรุปภาวะตลาด

วันศุกร์ที่ผ่าน ดัชนีเคลื่อนไหวในแดนลบเป็นส่วนใหญ่ หลังจากช่วงท่ีผ่านมาดัชนีเป็นลักษณะปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ทำให้ดัชนีเกิดการพักตัวปิดบริเวณ 1,645 จุด โดยในวันนี้หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าปรับตัวข้ึนโดดเด่น จากการที่ กกพ. ปรับค่า FT ข้ึน ประกอบกับหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าราคาค่อนข้าง laggard เมื่อเทียบกับ SET หรือ sector อื่นๆ ส่วนหุ้นกลุ่มธนาคารและ ICT ร่วงกดดันดัชนี จากท่ีปรับตัวข้ึนมามากในช่วงก่อน ท้ัง SCB, KBANK, BBL และ TRUE-DTAC ท่ีเล่นเรื่องการควบรวมกิจการส่งผลให้ ดัชนี SET Index ปิดตลาดท่ี 1,645.06 จุด -5.96 จุด -0.36% มูลค่าการซื้อขาย 102,897 ลบ. ต่างชาติ -3,253.21 ลบ. TFEX -7,649 สัญญา ตราสารหน้ี +6,337.52 ลบ.

ปัจจัยบวก

+ นายสก็อตต์ มอร์ริสัน นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย ได้เรียกร้องให้รัฐบาลผ่อนคลายข้อจำกัดด้านโควิด-19 เนื่องจากปัจจุบันอัตราการฉีดวัคซีนในประเทศมีความครอบคลุมเพิ่มมากข้ึน

+ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นเตรียมอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งครอบคลุมถึงการใช้จ่ายด้านการคลังสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 55.7 ล้านล้านเยน (4.90 แสนล้านดอลลาร์) เพื่อรับมือกับผลกระทบทางเศรษฐกิจท่ียืดเยื่อ ซึ่งเกิดจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

+ นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าธนาคารกลางจีน (PBOC) จะคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าช้ันดี (LPR) ทั้งประเภท 1 ปี และ 5 ปีในวันนี้ โดยมีเป้าหมายท่ีจะควบคุมความเสี่ยงในภาคอสังหาริมทรัพย์

+ สมาคมผู้ผลิตยานยนต์แห่งประเทศจีน (CAAM) เปิดเผยการคาดการณ์ว่าจีน ซึ่งเป็นตลาดรถยนต์ขนาดใหญ่ท่ีสุดในโลก จะมีจำนวนรถยนต์จดทะเบียนมากกว่า 300 ล้านคัน ภายในส้ินปี 2565

+ สธ.กำหนดจัดสัปดาห์ฉีดวัคซีนโควิดสู่เป้า 100 ล้าน โดสในช่วง 27 พ.ย.-5 ธ.ค.64

+ นักเศรษฐศาสตร์ มอง GDP ไทยกลับสู่ช่วงก่อนเกิดโควิดในปี 66 จากท่องเที่ยว

+/- ศบค.รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่รวม 6,482 ราย มีผู้เสียชีวิต 49 ราย รักษาหาย 7,882ราย

ปัจจัยลบ

– ดัชนีดาวโจนส์ปิด ลดลง 268.97 จุด หรือ -0.75% โดยลดลงเป็นวันที่ 4 ในรอบ 5 วันทำการที่ผ่านมา เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่ในยุโรป และการบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์ซึ่งจะกระทบเศรษฐกิจโลก

– ราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลง 2.91 ดอลลาร์ หรือ 3.7% ปิด ที่ 76.10 ดอลลาร์/บาร์เรล และในรอบสัปดาห์น้ี ร่วงลง 5.8% เนื่องจากนักลงทุนวิตกว่าจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นในยุโรปจะชะลอการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และกระทบความต้องการใช้น้ำมัน นอกจากนี้ นักลงทุนยังคาดว่าสหรัฐและจีนอาจจะระบายน้ำมันออกจากคลังสำรองทางยุทธศาสตร์เพื่อทำให้ราคาน้ำมันลดลง

– หน่วยงานด้านสาธารณสุขของเยอรมนีรายงานยอดผู้ติดเชื้อกว่า 65,000 ราย ซึ่งสูงเป็นสถิติใหม่ ขณะเดียวกัน ผู้เชี่ยวชาญหลายรายก็ได้ประกาศเตือนว่า จำนวนผู้ติดเชื้อที่แท้จริงอาจสูง กว่าตัวเลขที่รายงานถึง 2-3 เท่า

– การประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา (UNCTAD) ได้เปิดเผยรายงานว่า การพุ่งทะยานขึ้นท่ัวโลกของอัตราค่าขนส่งสินค้าอาจผลักดันให้ราคาผู้บริโภคดีดตัวข้ึน 1.5% ในปีหน้า

– จีนออกมาเรียกร้องให้สหรัฐไม่นำการเมืองมาปนกับโอลิมปิก หลังประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐเปิดเผยว่ากำลังพิจารณาคว่ำบาตรทางการทูตกับงานโอลิมปิกฤดูหนาวท่ีปักกิ่ง ในเดือนก.พ. 2565

แนวโน้มตลาดวันนี้

คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาสปรับตัวลงตามทิศทางตลาดต่างประเทศ จากแรงขายทำกำไรในหุ้นกลุ่มธนาคาร หลังปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ประกอบกับแรงกดดันจากหุ้นกลุ่มพลังงาน จากราคาน้ำมันดิบ WTI ท่ีปรับตัวลงแรง คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,633-1,657 จุด

กลยุทธ์การลงทุน

  • หุ้น Reopening Play : หุ้นกลุ่มท่องเที่ยว MINT ERW CENTEL AWC SHR AOT AAV BA หุ้นกลุ่มขนส่ง BEM BTS หุ้นกลุ่มห้างสรรพสินค้า CPN CRC MBK หุ้นกลุ่มร้านอาหาร AU M ZEN หุ้นกลุ่มค้าปลีก CPALL BJC MAKRO
  • MSCI Global Small Cap Indexes หุ้นเข้า BEC TIPH TIDLOR หุ้นออก TKN
  • ประเด็นปรับข้ึนค่า Ft จะเป็นตัวหนุนต่ออัตราการทำกำไรหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า EA SSP GPSC BGRIM

หุ้นรายงานพิเศษ

กลุ่มโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน

  • กกพ.เคาะข้ึนค่า Ft ปี 65 แบบขั้นบันได ทยอยเพิ่มงวด ม.ค.-เม.ย.ที่ 16.71 สตางค์ จากปัจจุบัน -15.32 สตางค์ในงวดก่อนหน้า มาอยู่ท่ี 1.39 สตางค์ต่อหน่วย เนื่องจากราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในตลาดโลกเพิ่มสูงขึ้นมากในช่วงนี้ จึงเป็นเหตุทำให้ขึ้นค่าเอฟที (ที่มาอินโฟ เควสท์)
  • ความเห็น เรามีมุมมองบวกต่อหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน และโรงไฟฟ้าท่ีขายไฟฟ้าให้แก่ลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรม เนื่องจากการปรับขึ้นค่า Ft จะเป็นตัวหนุนต่ออัตราการทำกำไรจากท่ีก่อนหน้าน้ีต้องแบกรับต้นทุนที่ปรับตัวข้ึน โดยหุ้นที่เราชอบได้แก่ EA SSP GPSC BGRIM

หุ้นมีข่าว

(+) ORI (Bloomberg Consensus 13.40 บาท) ส่ง “ออริจิ้น เฮลท์แคร์” เข้าถือหุ้น 25% ใน THAI LEAF ทำธุรกิจสกัด CBD จากกัญชง เล็งทำกัญชงด้านการแพทย์ต่อยอดธุรกิจหลัก หวังให้บริการแก่ลูกบ้านในโครงการของบริษัท พร้อมตั้งเป้าจะนำ “ออริจิ้น เฮลท์แคร์” เข้าตลาดหุ้นภายใน 3-4 ปี ข้างหน้า ในส่วนของ “บริทาเนีย” เตรียมจะนำเข้าจดทะเบียนภายในปลายปีนี้ (ที่มา ทันหุ้น)

(+) PACO (Bloomberg Consensus – บาท) รับออเดอร์ยาวถึงเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า มูลค่า 200- 300 ล้านบาท เล็งเพิ่มเครื่องจักรอัพกำลังผลิต 40-50% ฟากบิ๊กบอส “สมชาย เลิศขจรกิตติ” เล็งคลอดสินค้ารถแข่งมาร์จิ้นสูง พร้อมขายในไตรมาสแรกปี 2565 พร้อมต้ังเป้ารายได้โตต่อ 20% จากปีนี้ คอนเฟิร์มยอดขายทั้งปีมาตามนัด 800 ล้านบาท (ท่ีมา ทันหุ้น)

(+) JUBILE (ราคาเหมาะสม 28.50 บาท) “ยูบิลลี่ฯ” ตั้งเป้าปีหน้ารายได้โต 2 หลัก หลังจากปีนี้เจอ โควิด-19 กระทบแรง ยอมรับไตรมาส 3/64 เป็นจุดต่ำสุด ต้องปิดร้าน 51 สาขาในเขตกรุงเทพฯ นานเกือบ 2 เดือน แต่มั่นใจไตรมาส 4/64 ฟื้นตัว รายได้ดีกว่าปีก่อน หลังรัฐบาลคลายล็อกดาวน์- เปิดประเทศ เตรียมอัดแคมเปญกระตุ้นยอดขายโค้งสุดท้ายของปีนี้ (ท่ีมา ข่าวหุ้น)

(+) AS (Bloomberg Consensus 23.75 บาท) จ่อรับรู้รายได้จากเกม Real Yulgang Mobile เต็มไตรมาส บวกเข้าไฮซีซัน หนุนผลงานไตรมาส 4/2564 โตแรง มั่นใจรายได้รวมทั้งปี 2564 โต 15% ตามเป้าท่ีวางไว้ ดันสัดส่วนรายได้จากเกมโมบายเพิ่มข้ึนไม่น้อยกว่า 30%(ที่มา ทันหุ้น)

ปัจจัยจับตาในประเทศ

  • 22 พ.ย. สภาพัฒน์แถลงภาวะสังคมไทย 3Q64
  • สัปดาห์ที่ 4 สศค. รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง, ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค, ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค กระทรวงพาณิชย์แถลงตัวเลข การส่งออก-นำเข้า สศอ. แถลงดัชนีอุตสาหกรรม
  • 30 พ.ย. ธปท. รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย

ปัจจัยจับตาต่างประเทศ

  • 22 พ.ย.ธนาคารกลางจีนกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ LPR

สหรัฐรายงานดัชนีกิจกรรมเศรษฐกิจทั่วประเทศเดือน ต.ค.จากเฟดชิคาโก ยอดขายบ้านมือสองเดือน ต.ค.

  • 23 พ.ย. อียูรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต-ภาคบริการขั้นต้นเดือนพ.ย. จากมาร์กิต

สหรัฐเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต-ภาคบริการขั้นต้นเดือนพ.ย.จากมาร์กิต

  • 24 พ.ย.สหรัฐรายงานจำนวนผขู้อรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือน ต.ค. GDP 3Q64 (ประมาณการครั้งท่ี 2)

PCE เดือนต.ค. สต๊อกน้ำมันรายสัปดาห์ EIA

FOMC เปิดเผยรายงานการประชุมวันที่ 2-3 พ.ย. (เช้าวันที่ 25 พ.ย.)

- Advertisement -