บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง:

Chularat Hospital (CHG TB) ธุรกิจบริหารโรงพยาบาลหนุนการเติบโต

คงแนะนำซื้อเพิ่ม TP เป็น 4.40 บาท

CHG รายงานกำไรหลักไตรมาส 3/64 ที่ 1.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 171% QoQ และ 455% YoY หนุนโดยรายได้ที่เกี่ยวข้องกับโควิก 3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 279% QoQ เนื่องจากการติดเชื้อโควิดพุ่งแตะระดับสูงสุดใน 3Q64 หากไม่รวมรายได้จากโควิดรายได้ลดลง 8% YoY เป็น 1.36 พันล้านบาท เนื่องจากจำนวนผู้ป่วยมารพ. ลดลงเนื่องจากความกลัวโควิด เราเพิ่ม TP ขึ้น 2.3% หลังจากเพิ่มคาดการณ์กำไรหลักขึ้น 39% ในปี 64 เนื่องจากรายรับจากโควิดสูงกว่าที่คาดไว้ในปี 64 แต่ยังคงประมาณการปี 65 เป็นต้นไป ทั้งนี้ในระยะยาวรพ. อาจมีรายได้จากการบริหารโรงพยาบาลมากขึ้น ซึ่งบริษัทกำลังเจรจาอยู่ในขณะนี้ แต่ยังไม่เป็นรูปธรรม) และไม่ได้อยู่ในประมาณการของเรา

ลุยบริหารโรงพยาบาลต่อหลังโควิด

CHG เริ่มต้นธุรกิจบริหารโรงพยาบาลในช่วงปลายปี 63 และเราคาดว่ารายได้จากการบริหารโรงพยาบาลจะสูงถึง 344 ล้านบาทในปี 64 และเติบโต 94% ในปี 65 เป็น 667.2 ล้านบาท โดยได้รับการสนับสนุนจากการเพิ่มโรงพยาบาลใหม่ โดยเฉพาะในครึ่งปีหลัง ปัจจุบันมีโรงพยาบาลที่อยู่ภายใต้การบริหาร 5 แห่ง ได้แก่ 1) พัทยา 2) เกาะล้าน 3) ศูนย์หัวใจสิรินธร 4) ศูนย์หัวใจสมุทรปราการ และ 5) ศูนย์หัวใจระยอง ผู้บริหารยังคงเดินหน้าเจรจาเพื่อเข้าบริหารโรงพยาบาลเพิ่มเติม ซึ่งจะเพิ่มอัพไซด์ให้อีก

คาดกําไรลดลงในปี 65 จากรายได้โควิดลดลง

เราคาดการณ์ว่ากำไรหลักจะลดลง 66% ในปี 65 เนื่องจากสถานการณ์โควิดเริ่มคลี่คลาย และรายรับจากโควิดลดลง ดังนั้น กำไรจะกลับมาเป็นปกติในปี 65 หากไม่รวมรายได้จากโควิด เรายังคงคาดว่ารายรับหลักจะเพิ่มขึ้น 10% เนื่องจากความกลัวโควิดลดลง และผู้ป่วยจะกลับมาโรงพยาบาลอีกครั้ง ส่วนในปี 66 เรายังคาดการณ์ว่าสมาชิกประกันสังคมจะเพิ่มขึ้น 3%  และรายรับจากประกันสังคมจะเพิ่มขึ้นประมาณ 10%

การว่างงานเป็นความเสี่ยงที่สำคัญสำหรับ CHG

เราใช้วิธี DCF, WACC 7% และการเติบโต 3.1% ประเมินราคาเป้าหมายเราเชื่อว่า CHG เป็นผู้ให้บริการโรงพยาบาลที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง โดยมีการเติบโตที่ยืดหยุ่นหนุนโดยประชากรสูงอายุและกลุ่มประกันสังคมที่กำลังเติบโต ความเสี่ยงที่สำคัญคืออัตราการว่างงานสูงในประเทศไทย ซึ่งอาจสูงกว่าที่คาดไว้หากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจล่าช้า

- Advertisement -