KS Daily View 20.11.2024 >>> ยูเครน-รัสเซียตึงเครียด หุ้นไทยปัจจัยภายในหนุนแต่ภายนอกกดดัน ดัชนี S&P500 ปรับตัวขึ้น หนุนจาก Walmart และ Nvidia กรอบ SET วันนี้ 1,440 – 1,470 แนะนำ CPALL, TIDLOR

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศวันนี้: แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศวันนี้: ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นโดย S&P500 ปรับตัวขึ้น 0.40% และ Nasdaq Composite ปรับตัวขึ้น 1.04% ถึงแม้ตลาดจะเปิดลบในช่วงแรกจากความกังวลที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธของสหรัฐฯ โจมตีรัสเซียและการที่วลาดิเมียร์ ปูตินได้ลงนามในกฤษฎีกาอนุญาตให้ใช้อาวุธนิวเคลียร์ในการตอบโต้ แต่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ สามารถรีบาวด์กลับขึ้นมาได้ โดยได้แรงหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของ Walmart ที่ดีกว่าคาด และความคาดหวังต่อผลประกอบการที่ดีของ Nvidia หลังนักวิเคราะห์ต่างพากันปรับราคาเป้าหมายขึ้นก่อนการรายงานผลประกอบการวันพรุ่งนี้ อย่างไรก็ตามดัชนี Dow Jones ปรับตัวลง 0.28% จากหุ้นในกลุ่มเฮลแคร์ และการเงินที่ปรับตัวลง

ตลาดหุ้นไทย ปิดที่ระดับ 1,460.11 จุด ปรับตัวขึ้นราว 7 จุด สอดคล้องกับตลาดในภูมิภาค แต่เป็นการลดช่วงบวกลงจากที่ขึ้นไปบวกถึงเกือบ 19 จุดในช่วงครึ่งวันแรก สะท้อนถึงการมีแรงขายเข้ามาทำให้ภาพอาจจะไม่ได้ดูดีมากนัก หุ้นกลุ่ม Laggard Play มีการกลับขึ้นมาหนุนตลาดได้ค่อนข้างดีนำโดยกลุ่มพลังงาน ท่องเที่ยว อสังหาริมทรัพย์ และขนส่ง ในขณะที่กลุ่มค้าปลีกปรับตัวขึ้นต่อจากแรงหนุนของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ เช่น การแจกเงินและบรรเทาหนี้ ในขณะที่กลุ่มนำตลาดในช่วงก่อนหน้านี้อย่าง สื่อสาร และอิเล็กทรอนิกส์ เริ่มมีการชะลอตัวลง วานนี้นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 464 ล้านบาท ในขณะที่นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 688 ล้านบาท ด้วยข้อมูล GDP ไตรมาสที่ 3/2567 ที่ออกมาเร่งตัวขึ้น รวมถึงการมีมาตรการกระตุ้นที่มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น เป็นปัจจัยบวกที่ช่วยหนุนการบริโภคให้เติบโตดีต่อได้ในช่วงที่เหลือของปีนี้และต้นปีหน้า อย่างไรก็ตามตลาดอาจได้รับแรงกดดันจากปัจจัยภายนอกที่มีความตึงเครียดที่มากขึ้นของสงครามยูเครน-รัสเซีย มองกรอบ SET วันนี้ที่ 1,440 – 1,470 แนะนำ CPALL, TIDLOR

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

1.คณะกรรมการนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจมีมติเห็นชอบมาตรการสำคัญ 4 เรื่อง ได้แก่ 1) การแจกเงิน 10,000 บาทเฟส 2 ให้ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปที่ลงทะเบียนผ่านแอป “ทางรัฐ” และผ่านการตรวจสอบสิทธิ์แล้ว โดยต้องไม่เคยได้รับเงินในเฟสแรก กำหนดจ่ายก่อนตรุษจีนปี 2568 ส่วนเฟส 3 คาดว่าจะดำเนินการในเดือนเม.ย.-มิ.ย. 2568 หลังทบทวนผลการดำเนินงานเฟส 1-2 2) การปรับโครงสร้างหนี้ครัวเรือน 3 กลุ่ม ได้แก่ หนี้บ้าน รถยนต์ และหนี้เพื่อการบริโภค สำหรับกลุ่มที่มีปัญหาหนี้ไม่เกิน 1 ปี โดยจะพักชำระดอกเบี้ย 3 ปีและช่วยเหลือการผ่อนชำระเงินต้น วงเงินรวม 1.3 ล้านล้านบาท 3) การช่วยเหลือภาคเกษตรด้วยเงินสนับสนุนไร่ละ 1,000 บาทเป็นของขวัญปีใหม่ และ 4) การพัฒนามาตรการช่วยผู้มีรายได้น้อยให้มีบ้านพร้อมกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ชะลอตัว โดยรายละเอียดการปรับโครงสร้างหนี้จะมีความชัดเจนหลังวันที่ 20 พ.ย.นี้

2.ครม. อนุมัติให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กู้เงิน 17,500 ล้านบาท โดยมีกระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกัน เพื่อชดเชยผลขาดทุนจากการดำเนินงาน นำไปจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้และซ่อมบำรุงโครงสร้างพื้นฐานระบบราง ทั้งด้านการโดยสาร การขนส่งสินค้า หมอนรถไฟ ระบบอาณัติสัญญาณ และเครื่องกั้นทั่วประเทศ โดย รฟท. จะสามารถดำเนินการกู้เงินได้หลังจากวงเงินกู้ได้รับการบรรจุในแผนการบริหารหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ 2568

3.ยูเครนใช้ขีปนาวุธ ATACMS ที่ได้รับจากสหรัฐฯ โจมตีคลังแสงในเขตเบรียนสค์ของรัสเซียเป็นครั้งแรกในวันครบรอบ 1,000 วันของสงคราม หลังสหรัฐฯ อนุมัติให้ใช้อาวุธโจมตีเป้าหมายในรัสเซียโดยอยู่ในขอบเขตที่จำกัด ขณะที่ประธานาธิบดีปูตินได้ลงนามในกฤษฎีกาอนุญาตให้ใช้อาวุธนิวเคลียร์ตอบโต้การโจมตีด้วยอาวุธทั่วไปขนาดใหญ่ รวมถึงโดรน โดยจะถือว่าการโจมตีจากประเทศที่ไม่มีอาวุธนิวเคลียร์แต่ได้รับการสนับสนุนจากประเทศที่มีอาวุธนิวเคลียร์เป็นการโจมตีร่วมกัน

4.Morgan Stanley ปรับเป้าดัชนี S&P 500 ขึ้นเป็น 6,500 จุด (+11%) ในปี 2025 จากการคาดการณ์การเติบโตของกำไร สัญญาณเศรษฐกิจที่ดีขึ้น และแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของ Fed ในปีหน้า อย่างไรก็ตามยังมีความเสี่ยงจากนโยบาย อัตราดอกเบี้ย และภูมิรัฐศาสตร์ โดยในกรณีแย่สุดดัชนีอาจลดลง 22% สู่ 4,600 จุด

5.ตลาดตราสารอนุพันธ์คาดว่าหุ้น Nvidia จะเคลื่อนไหว 8.5% ขึ้นหรือลงหลังประกาศผลประกอบการคืนวันพุธนี้ ซึ่งอาจทำให้มูลค่าตลาดเปลี่ยนแปลงถึง 2.92 แสนล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ Nvidia ได้ทำผลประกอบการดีกว่าคาดการณ์ติดต่อกัน 8 ไตรมาส โดยนักวิเคราะห์คาดว่ายอดขายไตรมาส 3 จะพุ่ง 82.8% เป็น 3.313 หมื่นล้านดอลลาร์

หุ้นแนะนำวันนี้ Top pick:

CPALL ราคาพื้นฐาน 80.00 บาท

เรามีมุมมองเชิงบวกหลังจากการประชุมนักวิเคราะห์โดยคาดว่ายอดขายสาขาเดิม (SSSG) ในไตรมาสที่ 4/2567 ยังสามารถเติบโตได้ราว 3-5% โดยมาจากทั้งอาหารและส่วนไม่ใช่อาหาร และมาจากสาขาในแหล่งท่องเที่ยวและสาขาที่อยู่ในปั้มน้ำมัน ในขณะที่ปี 2568 จะเน้นในส่วนของอาหารและเครื่องดื่ม โดยคาดว่ากำไรขั้นต้นจะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากส่วนผสมของสินค้า (Product mix) ที่ดีขึ้น

TIDLOR: ราคาพื้นฐาน 22.00 บาท

เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ TIDLOR จากการที่คุณภาพสินทรัพย์ดีขึ้นในไตรมาสที่ 4/2567 ทั้ง Credit cost และการลด NPL Formation หลังการปรับพอร์ต แม้อาจต้องแลกกับ Loan Growth ที่ลดลง แต่คาดว่าจะกลับมาโตได้ 10-15% ในปี 2568 หากเศรษฐกิจฟื้นตัวจากมาตรการกระตุ้นและการลงทุนภาครัฐ นอกจากนี้ การปรับโครงสร้างกลุ่มช่วยลดผลกระทบจาก Dilution ของหุ้นปันผล ในเชิงของ Valuation ยังไม่แพงเมื่อเปรียบเทียบกับศักยภาพการเติบโต

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

  • วันพุธ ติดตามการรายงาน Loan prime rate ของธนาคารกลางจีนเดือน ต.ค. ระยะเวลา 1 ปี ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 3.10% ทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า และ Loan prime rate อายุ 5 ปี ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 3.60% ทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า
  • วันพฤหัสฯ ติดตามตัวเลขยอดขายบ้านมือสอง (Existing home sale) เดือน ต.ค. โดยตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 3.88 ล้านหลังปรับตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 3.84 ล้านหลัง ต่อด้วยจำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกของสหรัฐ (US Initial Jobless Claims) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 2.17 แสนตำแหน่ง
  • วันศุกร์ ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อของญี่ปุ่นเดือน ต.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 2.3% YoY ปรับตัวลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ 2.5% YoY ต่อด้วยรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของโซนยุโรป (HCOB Manufacturing PMI Flash) เดือน พ.ย. เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 46.0 จุด ต่อด้วยการรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของสหรัฐ (S&P Global US Manufacturing PMI Flash) เดือน พ.ย. เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 48.50 จุด
- Advertisement -