“เจเอเอส แอสเซ็ท (J)” ออกหุ้นกู้ 2 ชุด อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 7.00 – 7.35% ต่อปี เสริมแกร่งแผนปั้นโครงการใหม่ หนุนรายได้ขยายตัว

บมจ.เจเอเอส แอสเซ็ท (J) เตรียมออกและเสนอขายหุ้นกู้ครั้งที่ 1/67 จำนวน 2 ชุด ชนิดไม่ด้อยสิทธิ โดยหุ้นกู้ชุดที่ 1 มีอายุ 1 ปี 6 เดือน และ หุ้นกู้ชุดที่ 2 มีอายุ 2 ปี 6 เดือน ประเภทมีหลักประกันเป็นที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง จ.ขอนแก่น ซึ่งมีมูลค่าประเมินประมาณ 248 ล้านบาท โดยหุ้นกู้มีอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 7.00 – 7.35% ต่อปี เสนอขายวันที่ 9, 11 – 12 ธันวาคมนี้

นายสุพจน์ สิริกุลภัสสร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจเอเอส แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน) หรือ J เปิดเผยว่า บริษัทฯ ยื่นแบบแสดงรายการต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในการออกและเสนอขายหุ้นกู้ระยะยาว ครั้งที่ 1/2567 จำนวน 2 ชุด ชนิดระบุชื่อผู้ถือไม่ด้อยสิทธิ มีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ประกอบด้วย หุ้นกู้ชุดที่ 1 ประเภทไม่มีประกัน มีอายุ 1 ปี 6 เดือน อัตราดอกเบี้ยอยู่ในช่วง [7.25 – 7.35]% ต่อปี และหุ้นกู้ชุดที่ 2 ประเภทมีหลักประกัน โดยหุ้นกู้มีอายุ 2 ปี 6 เดือน และอัตราดอกเบี้ยอยู่ในช่วง [7.00 – 7.25]% ต่อปี โดยมีหลักประกันเป็นที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง จ.ขอนแก่น ซึ่งมีมูลค่าประเมินประมาณ 248 ล้านบาท ซึ่งหลักประกันดังกล่าวอยู่ภายใต้แผนการพัฒนาโครงการศูนย์การค้าชุมชนแห่งใหม่ของบริษัท สำหรับหุ้นกู้ทั้ง 2 ชุดดังกล่าวจะมีการชำระดอกเบี้ยทุก 3 เดือนตลอดอายุหุ้นกู้ วัตถุประสงค์เพื่อนำเงินไปชำระคืนหนี้ และใช้เป็นเงินลงทุนในโครงการใหม่

โดยคาดว่าจะเสนอขายให้กับนักลงทุนสถาบัน และ/หรือ นักลงทุนรายใหญ่ ระหว่างวันที่ 9, 11 – 12 ธันวาคม 2567 ผ่านสถาบันการเงินซึ่งเป็นผู้จัดการการจำหน่ายหุ้นกู้ 6 ราย ดังนี้

  • บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด
  • บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน)
  • บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด
  • บริษัทหลักทรัพย์ บลูเบลล์ จำกัด
  • บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด
  • บริษัท หลักทรัพย์เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ จำกัด (มหาชน)

โดยมี นายทะเบียนหู้กู้คือ ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน)

ทั้งนี้ J มีความแข็งแกร่งในธุกิจด้านการบริหารจัดการพื้นที่เช่าภายในศูนย์การค้าในส่วนของโทรศัพท์เคลื่อนที่และสินค้าเทคโนโลยี ภายใต้ชื่อ “IT Junction” ซึ่งเป็นธุรกิจเริ่มต้น จากนั้น ได้ขยายไปยัง ธุรกิจพัฒนาและบริหารพื้นที่ในรูปแบบตลาดชุมชนและศูนย์การค้าชุมชน (Community Mall) และเติบโตจนเป็นธุรกิจหลักของบริษัท ปัจจุบัน มีจำนวนโครงการศูนย์การค้าชุมชนทั้งหมด 8 แห่ง ณ เดือนกันยายน 2567 คิดเป็นพื้นที่เช่ารวมเกือบ 100,000 ตรม. และได้จับมือเป็นพันธมิตรกับร้านค้าชั้นนำหลากหลายแบรนด์ อาทิ Suki Teenoi, Starbuck, KFC, และอื่นๆ เพื่อดึง Traffic ของลูกค้าให้กับศูนย์การค้าชุมชน และสร้าง Tenant Mix ที่มีความน่าสนใจมากขึ้น นอกจากนี้ ได้ขยายไปยังธุรกิจดูแลผู้สูงอายุแบบครบวงวงจร ภายใต้ชื่อ SENERA SENIOR WELLNESS

โดยสะท้อนให้เห็นจากการเติบโตอย่างต่อเนื่องของผลประกอบการของบริษัททั้งในแง่ของรายได้และกำไรสุทธิ (ในงวด 9 เดือน 2567 บริษัทมีรายได้ 459.36 ลบ. และกำไรสุทธิ 157.84 ลบ. ซึ่งแสดงถึงการเติบโตทางธุรกิจที่มั่นคงของบริษัทที่ต้องการมุ่งสู่การเป็นผู้นำด้านการบริหารจัดการพื้นที่เช่าภายในศูนย์การค้า และเป็นผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อชุมชนที่น่าอยู่ยิ่งขึ้น

“ด้วยความเชี่ยวชาญในการพัฒนาโครงการศูนย์การค้าชุมชนมาแล้ว 8 โครงการ เป็นศูนย์กลางแหล่งชุมชนที่สามารถมอบประสบการณ์ใหม่เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าทุกไลฟ์สไตล์แบบครบจร  ทำให้มีอัตราพื้นที่เช่าอยู่ในระดับสูง จึงวางแผนออกหุ้นกู้เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับขยายโครงการใหม่บนทำเลศักยภาพ  โดย J ออกหุ้นกู้จำนวน 2 จุด อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 7.00 – 7.35% ต่อปี มองว่า นับเป็นโอกาสดีสำหรับนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนจากหุ้นกู้ที่ยังคงให้ดอกเบี้ยสูง ขณะที่ ความมั่นคงของบริษัทฯ ทั้งในแง่สินทรัพย์ และผลการดำเนินงาน ในอดีตสามารถบริหารจัดการกระแสเงินสด สามารถจ่ายชำระคืนหุ้นกู้ตามนัดได้สม่ำเสมอ” นายสุพจน์ กล่าว

สำหรับโค้งสุดท้ายของปี บริษัทฯ เดินหน้าพัฒนาปรับปรุงพื้นที่โครงการเดิม และจับมือพาร์ทเนอร์ในกลุ่มไฮเปอร์มาร์เก็ต เพิ่มทราฟฟิคการเข้ามาใช้บริการมากขึ้น และจะมีกิจกรรมที่ตอบโจทย์ศูนย์การค้าของบริษัททั้ง 8 โครงการให้คึกคักไปจนถึงสิ้นปี โดยเฉพาะใน 2 โครงการล่าสุดที่ JAS GREEN VILLAGE ประเวศน์ เปิดตัวไปเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2567และ JAS Green Village รามคำแหง เปิดตัวเมื่อ 20 กันยายนที่ผ่านมา ได้รับการตอบรับที่ดี สนับสนุนครึ่งปีหลังภาพรวมรายได้ค่าเช่าของบริษัทขยายตัวต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก

และในปี 2568 ปักหมุดแลนมาร์คใหม่สาขาที่ 9 ที่จังหวัดขอนแก่น อยู่ทำเลในเมือง โดยจะพัฒนาเป็นโครงการมิกซ์ยูสคอมมูนิตี้มอลล์ และโรงแรม มีเนื้อที่กว่า 5 ไร่ ปัจจุบันอยู่ระหว่างก่อสร้าง คาดว่าจะแล้วเสร็จและเปิดบริการได้ไตรมาส 3 ปี 2568 และเป็นสาขาแรกในต่างจังหวัดที่บริษัทเข้าไปลงทุนพัฒนาโครงการ บุกศูนย์กลางด้านเศรษฐกิจของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

- Advertisement -