บล.กสิกรไทย:
MOSHI : ปรับประมาณการลงตาม แนวโน้มค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น
- กำไรไตรมาส 3/67 อยู่ที่ 108 ลบ. (+29.8% YoY, +33.2% QoQ) เป็นไปตามประมาณการของเราและตลาด จากยอดขายที่เติบโตแข็งแกร่งและ GPM ที่เพิ่มขึ้นจากยอดขายผลิตภัณฑ์
- อัปเดตไตรมาส 4/2567 MOSHI จัดประชุมนักวิเคราะห์เมื่อ 18 พ.ย. และมีการเปิดเผย QTD ยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ยังคงเป็นบวกที่ 24-26% หนุนโดยการเติบโตของยอดขายสินค้าทั่วไปและสินค้าลิขสิทธิ์ที่เกี่ยวข้องกับ K-pop (NCT Dream) อย่างไรก็ตาม เนื่องจากฐานยอดขายที่สูงในเดือน ธ.ค.2566 MOSHI จึงคาดว่า SSSG ไตรมาส 4/2567 จะอยู่ที่ 17-19% ส่งผลให้ SSSG ปี 2567 อยู่ที่ 2-5% (เทียบกับ 16.9% ในปี 2566) MOSHI มีแผนเปิดสาขาเพิ่มอีก 5 สาขาในไตรมาส 4/2567 เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย 34 สาขาใหม่ในปี 2567 ผู้บริหารเปิดเผยว่าผลกระทบที่สาขาเดอะมอลล์บางกะปิ ซึ่งมีคู่แข่งรายใหม่มาเปิดสาขาแรก ยังคงมีการเติบโตของยอดขายที่ 8-10% โดยมีผลกระทบเพียงเล็กน้อย ซึ่งช่วยบรรเทาความกังวลเกี่ยวกับการแข่งขันที่สูงขึ้น
- แผนธุรกิจปี 2568 MOSHI มีแผนเปิดที่จะสาขาใหม่ 40 สาขาในปี 2568 เพิ่มขึ้นจาก 34 สาขาในปี 2567 โดยมีแผนเปิดร้านขนาดใหญ่ขึ้นและขยายขนาดร้านที่มีศักยภาพเพื่อเพิ่มยอดขาย บริษัทฯ ตั้งเป้าการเติบโตของยอดขายปี 2568 ที่ 15-20% โดยมีอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ขยายตัว 60 bps จากสัดส่วนสินค้านำเข้าที่เพิ่มขึ้น 3.0-5.0 ppt จากราว 60% ของยอดขายรวมปี 2567 แต่ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (SG&A) คาดว่าจะเพิ่มขึ้น YoY จากค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นที่เกี่ยวข้องกับการเปิดสาขาใหม่และจากการย้ายสำนักงานใหญ่ในปี 2568
- เปิดตัวร้านค้ารูปแบบใหม่ในปี 2568 MOSHI จะนำร่องเปิดร้านค้านอกศูนย์การค้า (standalone) ขนาดใหญ่ในทำเลยุทธศาสตร์ เนื่องจากพบว่าลูกค้ามีกำลังซื้อสูงกว่าคาดในร้านค้าแบบ standalone ขนาดเล็ก ขณะที่กำไรจากการดำเนินงานของร้านค้าแบบ standalone เทียบได้กับกำไรจากการดำเนินงานของร้านในไฮเปอร์มาร์เก็ต ซึ่งมีจุดคุ้มทุนอยู่ที่ภายใน 1-4 เดือน และระยะเวลาคืนทุนเพียง 2-3 ปี ซึ่งสอดคล้องกับค่าเฉลี่ยของพอร์ตโฟลิโอของ MOSHI โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าการลงทุนเพิ่มเป็น 280 ลบ. จาก 250 ลบ. ในปี 2567 นอกจากนี้ MOSHI ยังคงเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่และสินค้าทรัพย์สินทางปัญญาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเสนอทางเลือกให้กับลูกค้ามากขึ้น
- เราปรับประมาณการปี 2567 ขึ้น 2.4% แต่ปรับปี 68 – 69 ลง 9.3% และ 10.6% มาที่ 492ลบ/576ลบ/689ลบ ตามลำดับ เราคงมุมมองเชิงบวกต่อผลการดำเนินงานไตรมาส 4/2567 เป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปีจากปัจจัยตามฤดูกาล หลังปรับประมาณการ, เราคาดยอดขายและกำไรในปี 68 จะเติบโต 19.8% และ 17% ตามลำดับ
แนะนำ “ซื้อ” ด้วย TP ที่ 53.60 บาท หลังการปรับประมาณการ และปรับปีฐานราคาเป้าหมายเป็นสิ้นปี 2568 อิงด้วยวิธี DCF โดยใช้อัตราคิดลดที่ 8.8% คิดเป็น PER ปี 2567 ที่ 25.6 เท่า หรือ 0.25SD สูงกว่าค่าเฉลี่ย PER ย้อนหลังของกลุ่มพาณิชย์