Daily Focus-Domestic and Selective Play

ตลาดหุ้นวานนี้:

SET Index ปรับตัวในแดนบวกได้ดีก่อนที่จะอ่อนตัวลงในช่วงบ่าย และปิดลบ 3.12 จุด และยังไม่สามารถกลับมายืนปิดเหนือ 1,650 จุดได้ โดยหุ้นขนาดใหญ่ยังกดดันดัชนี จากทั้งสถาบันในประเทศและนักลงทุนต่างชาติที่ขายสุทธิในตลาดหุ้น 1.5 พันลบ. และ 1.3 พันลบ. ตามลำดับ (ต่างชาติยัง Long Index Futures เล็กน้อย 4 พันสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้:

เราคาด SET Index ยังแกว่ง Sideways ในกรอบ 1,640-1,650 จุด โดยกลุ่มพลังงานคาดฟื้นตัวได้บางหลังราคาน้ำมันดิบปรับขึ้น โดยซาอุดิอาระเบียหยุดผลิตน้ำมันหลังสหรัฐฯจะร่วมมือชาติอื่นๆ ปล่อยน้ำมันดิบจากคลังสู่ตลาดเพื่อกดราคาลง ส่วนกลุ่ม Cyclical คาดปรับตัวดีขึ้นจาก Dollar Index และ Bond Yield สหรัฐฯที่ยังปรับขึ้น จากคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยอาจถูกปรับขึ้นเร็วกว่าคาด ทําให้กลุ่มเทคโนโลยีถูกกดดันในระยะนี้ เช่นเดียวกับทองคำที่ร่วงแรงต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม เรายังให้น้ำหนักบวกต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและกำไรบริษัทจดทะเบียนของไทยที่จะทยอยเกิดขึ้นใน 4Q21 เป็นต้นไป ซึ่งจะเป็นแรงหนุนหุ้นกลุ่ม Domestic และ Reopening Play อย่างเฉพาะกลุ่ม ค้าปลีก ร้านอาหาร รับเหมาฯ อสังหาฯ รวมถึงกลุ่มไฟแนนซ์และธนาคาร ในระยะถัดไป กลยุทธ์ยังแนะนำ “ถือลงทุน” สําหรับส่วนที่สะสมมาแล้ว ส่วนระยะสั้นเก็งกำไรหุ้นที่ยัง Laggard และยังมี Valuation ยังต่ำกว่าก่อนวิกฤต COVID-19

กลยุทธ์: เน้นลงทุนหุ้น Domestic และ Reopening Play

หุ้นเด่นเดือน พ.ย.: CHG, FSMART, GPSC, JWD, KCE

หุ้นเด่นวันนี้: CK

  • แนะนํา “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 26 บาท
  • มีประเด็นบวกจากโครงการรถไฟทางคู่เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของที่ JV กับ STEC ในสัญญา 2-3 มูลค่างาน 2.3 หมื่นลบ. (สัดส่วน 50%) จะเซ็นสัญญาได้ทันปีนี้ หนุน Backlog จากปัจจุบันหมื่นลบ.
  • มีงานรอประมูลอีกหลายโครงการ โดยเฉพาะรถไฟฟ้าม่วงใต้และส้ม ซึ่งมูลค่าสูงรวมถึงงานของ CKP อย่างโรงไฟฟ้าหลวงพระบาง ซึ่งคาดได้ข้อสรุปปีหน้าเราประเมินกําไรปี 2022 ฟื้นตัวแรง +82% Y-Y
  • แนวรับ 22.40-22.20 บาท แนวต้าน 23 // 23.50-23.70 บาท

Fund Flow: วานนี้กระแสเงินทุนพลิกมาไหลออกจากภูมิภาค US$ 358 ล้าน นำโดยไต้หวัน US$ 630 ล้าน แต่ยังไหลเข้าเกาหลีใต้ US$ 281 ล้าน ส่วนตลาดอาเซียนเม็ดเงินไหลเข้าบางๆ ทุกประเทศยกเว้นไทยที่ไหลออก US$ 41 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดยังอยู่ในทิศทางไหลออกจากกลุ่มเทคโนโลยีและเข้ากลุ่มวัฏจักรมากขึ้น จาก Dollar Index และ Bond Yield สหรัฐฯที่ยังปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง

ประเด็นสําคัญวันนี้

(+) กลุ่มรับเหมาฯ บริษัทที่ซื้อซองโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ 7 บริษัท ได้แก่ CK STEC ITD UNIQ NWR A.S.Associate Engineering (1964) และ Sinohydro โดยยังการขายซองจะมีถึง 24 ธ.ค. ส่วนกำหนดยื่นซองคือวันที่ 27 ธ.ค. นี้ โดยรวมเรามองกลุ่มรับเหมาฯ น่าสนใจทางจากการคลาย Lockdown และกลับมาเปิดแคมป์เป็นปกติ รวมถึงงานประมูลภาครัฐต่างๆที่จะออกสู่ตลาดมากขึ้น ยังคงเลือก CK เป็น Top Pick

(+) ITEL เราคงมุมมองเชิงบวกต่อกำไร 4Q21-2022 ที่จะเติบโตต่อเนื่องจาก Backlog ในมือกว่า 4.1 พันลบ. ทยอยรับรู้ถึงปี 2024+ และอยู่ระหว่างประมูลงานเพิ่มอีกกว่า 1 พันลบ. รวมถึงมีแผนรุกธุรกิจ Data Center เพิ่มทั้งการ Takeover Genesis และกำลังเจรจากับ Cloud Operator รายใหญ่เข้ามใช้บริการ ส่วนการควบรวมระหว่าง TRUE-DTAC จะเป็นบวกต่อ ITEL ซี่มี TRUE เป็นลูกค้าหลัก เรายังคงประมาณการกำไรปี 2021-2022 +53% Y-Y และ +27% Y-Y คงราคาเป้าหมาย 6.30 บาท แนะนำ “ซื้อ”

(+) SMD คาดกำไร 4Q21 ชะลอตัวลงจากฐานสูงใน 3Q21 ที่ COVID-19 ระบาดหนักโดยปี 2021 คาดรายได้ทะลุ 1.5 พันลบ. +135% Y-Y ส่วนกำไรเราประเมินแตะ 300 ลบ. โตเกือบ 3 เท่าตัว Y-Y อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้ปี 2022 ที่ 1.8 พันลบ +15% Y-Y ซึ่งเรามองว่าค่อนข้างท้าทาย เบื้องต้นเราจึงยังคงคาดการณ์รายได้และกำไรปี 2022 ที่ 1.4 พันลบ. -10% Y-Y และคาดกำไร 187 ลบ. -38% Y-Y แต่ดูมี Upside ยังคงราคาเป้าหมาย 18 บาท แนะนำ “ซื้อ”

(+) BGRIM คาดกำไร 4Q21 อ่อนแอจากต้นทุนก๊าซที่พุ่งแรงจาก 62 บาท/mmbtu เป็น 320 บาท/mmbtu แต่ยังคงมุมมองบวกต่อการเติบโตของกำไรในปี 2022-2022 ที่คาด +38% Y-Y และ +51% Y-Y จากทั้งลูกค้า IU ใหม่ดีล M&A และ Margin จาก SPP ที่ขยายตัวโดยกำลังการผลิตรวมคาดเพิ่มขึ้นอีกกว่า 1 GW จากปัจจุบันที่มีอยู่ 2 GW คงราคาเป้าหมาย 58 บาท แนะนำ “ซื้อ” (Source: FSSIA)

(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 194.55 จุด หรือ 0.55% ปิดที่ 35,813.80 จุด จากการปรับขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงานตามจากราคาน้ำมัน WTI รวมถึงหุ้นกลุ่มธนาคารตามอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ

(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบจากความกังวลเกี่ยวกับจํานวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 ที่สูงขึ้น อาจทำให้มีการใช้มาตรการล็อกดาวน์

(0) ตลาดเอเชีย ปรับตัวผสมกดดันจากแรงขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีตามหุ้นกลุ่มเดียวกันในตลาดหุ้นสหรัฐ ท่ามกลางการติดตามทิศทางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ หลังนายเจอโรมพาวเวลถูกเสนอเป็นประเธานเฟดสมัยที่ 2

(-) ค่าเงินบาท อ่อนค่าลงล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 33.15 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 1.75 ดอลลาร์หรือ 2.3% ปิดที่ 78.50 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังมีคาดการณ์ว่ากลุ่มโอเปกพลัสอาจระงับแผนเพิ่มกำลังการผลิต หลังจากสหรัฐและพันธมิตรประกาศระบายน้ำมันออกจากคลังสำรอง ขณะที่ติดตาม EIA รายงานสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์ของสหรัฐในวันนี้เวลา 22.30 น. ตามเวลาไทย

(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 22.5 ดอลลาร์หรือ 1.25% ปิดที่ 1,783.8 ดอลลาร์/ออนซ์ จากการปรับขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 991.11 / +6.11

- Advertisement -