KS Daily View 29.11.2024 >>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดทำการเนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า สำหรับตลาดหุ้นไทยวันนี้เราคาดแกว่งตัวในกรอบ 1,420 – 1,440 จุด จากการที่ยังขาดปัจจัยหนุนใหม่ สงครามการค้าที่มีประเด็นเข้ามาทุกวัน ติดตามการประชุม ครม. สัญจร หุ้นแนะนำ BCH, AURA

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศ:

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดทำการเนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า ในขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปิดในแดนลบ โดยเฉพาะตลาดหุ้นจีนและฮ่องกงที่ได้รับผลกระทบจากข่าวที่สหรัฐฯ เตรียมออกมาตรการจำกัดการขายอุปกรณ์ผลิตชิพและชิพหน่วยความจำ AI ให้จีนในสัปดาห์หน้า อย่างไรก็ตาม มาตรการใหม่นี้มีความเข้มงวดน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยมีการลดจำนวนบริษัทที่จะถูกคว่ำบาตร และผ่อนปรนกฎระเบียบสำหรับพันธมิตรอย่างญี่ปุ่นและเนเธอร์แลนด์ ซึ่งส่งผลดีต่อหุ้นผู้ผลิตอุปกรณ์สำหรับผลิตชิพในสองประเทศนี้

ตลาดหุ้นไทยวันนี้ยังคงแกว่งตัวในกรอบแคบและปิดตลาดที่ 1,428.01 จุด ลดลงประมาณ 2 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่ค่อนข้างเบาบางเพียง 35,695 ล้านบาท เนื่องจากขาดปัจจัยหนุนใหม่และได้รับแรงกดดันจากสงครามการค้าและความกังวลด้าน ESG โดยกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์และเอ็นเตอร์เทนเมนท์เป็นกลุ่มที่หนุนตลาด ขณะที่กลุ่มพลังงาน ธนาคาร วัสดุก่อสร้าง ขนส่ง และแพคเกจจิ้ง เป็นกลุ่มที่กดดันตลาด เราคาดว่าตลาดจะยังคงแกว่งตัวในกรอบ 1,420 – 1,440 จุด และให้จับตาการประชุม ครม.สัญจรที่เชียงใหม่ ซึ่งจะมีการพิจารณามาตรการสำคัญหลายเรื่อง ทั้งการอนุมัติงบประมาณฟื้นฟูภาคเหนือกว่า 3,000 ล้านบาท และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่จะเป็นของขวัญปีใหม่ เช่น การแจกเงินดิจิทัลเฟส 2 การลดค่าไฟฟ้า และการต่ออายุมาตรการค่ารถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

  1. รัฐบาลเตรียมจัดประชุม ครม.สัญจรที่เชียงใหม่ในวันที่ 29 พ.ย. 2567 โดยมีวาระสำคัญคือการอนุมัติงบประมาณฟื้นฟูหลังน้ำท่วม ทั้งงบกลาง 3,000 ล้านบาทสำหรับพัฒนาแหล่งน้ำ มาตรการช่วยชาวนา การลดค่าไฟฟ้า การแจกเงินดิจิทัลเฟส 2 สำหรับผู้สูงอายุ การต่ออายุค่ารถไฟฟ้า 20 บาท และงบฟื้นฟูธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมในเชียงใหม่อีก 5,000 ล้านบาท
  • ม.หอการค้าไทยคาด GDP ปี 2568 โต 3% จากการใช้จ่ายภาครัฐ การบริโภคเอกชน การส่งออก และการท่องเที่ยวที่คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 40 ล้านคน โดยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจะส่งผลต่อ GDP 0.93% แต่มีความเสี่ยงจากนโยบายทรัมป์ที่อาจทำให้มูลค่าทางเศรษฐกิจหายไป 1.6 แสนล้านบาท รวมถึงปัญหาการเมืองในประเทศที่อาจกระทบเสถียรภาพรัฐบาลและการใช้งบประมาณ
  • กระทรวงคมนาคมเตรียมเสนอ 5 โครงการเข้าครม.ในเดือนธันวาคม 2567 ได้แก่ 1) มอเตอร์เวย์ M9 วงเงิน 5.6 หมื่นล้านบาท 2) M5 สายรังสิต-บางปะอิน วงเงิน 3.1 หมื่นล้านบาท 3) รถไฟสีแดงช่วงรังสิต-มธ. วงเงิน 6.4 พันล้านบาท 4) ร่าง พ.ร.บ.ตั๋วร่วม และ 5) คลังสินค้าสุวรรณภูมิ วงเงิน 1.5 หมื่นล้านบาท พร้อมเตรียมเสนออีก 9 โครงการในต้นปี 2568
  • สหรัฐฯ เตรียมออกมาตรการจำกัดการขายอุปกรณ์ผลิตชิพและชิพหน่วยความจำ AI ให้จีนสัปดาห์หน้า แต่น้อยกว่าที่เสนอไว้เดิม โดยจะขึ้นบัญชีดำบริษัทจีนที่ผลิตอุปกรณ์ผลิตชิพมากกว่า 100 ราย และโรงงาน 2 แห่งของ SMIC แต่จะไม่รวม ChangXin Memory ส่งผลให้หุ้นบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ในเอเชียและยุโรปพุ่งขึ้น เนื่องจากตลาดมองว่าดีกว่าสถานการณ์แย่สุดที่กังวลในช่วงก่อนหน้านี้
  • OPEC+ เลื่อนการประชุมออนไลน์จากวันที่ 1 ธันวาคม เป็นวันที่ 5 ธันวาคม เนื่องจากรัฐมนตรีหลายท่านต้องเข้าร่วมประชุม GCC ในคูเวต โดยจะหารือเรื่องการเลื่อนแผนเพิ่มกำลังการผลิต 180,000 บาร์เรลต่อวันในเดือนมกราคม ท่ามกลางราคาน้ำมันที่ลดลง 16% จากต้นเดือนกรกฎาคม มาอยู่ที่ 73 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และความกังวลเรื่องอุปทานล้นตลาดในปี 2025
  • ฝรั่งเศสกำลังเผชิญวิกฤตการณ์ทางการเมืองที่ส่งผลกระทบต่อตลาดการเงิน โดยต้นทุนการกู้ยืมของฝรั่งเศสพุ่งขึ้นจนเท่ากับกรีซเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ สาเหตุมาจากรัฐบาลนำโดยนายกรัฐมนตรีมิเชล บาร์นิเยร์ ประสบปัญหาในการผลักดันงบประมาณปี 2025 ที่มุ่งลดการใช้จ่ายและเพิ่มภาษีเพื่อแก้ปัญหาการขาดดุลงบประมาณ โดยพรรคฝ่ายซ้ายและขวาจัดขู่ว่าจะยื่นญัตติไม่ไว้วางใจรัฐบาล ขณะที่ฝรั่งเศสมีหนี้สาธารณะสูงถึง 110% ของ GDP และคาดว่าจะขาดดุลงบประมาณ 6.1% ในปี 2024

หุ้นแนะนำวันนี้ Top pick:

  • BCH : ราคาพื้นฐาน 20.60 บาท

เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ BCH เนื่องจากคาดว่าบอร์ดแพทย์อนุมัติการรับประกันการจ่าย 12,000 บาทต่อ RW ตั้งแต่ปี 2568 แม้ไม่มีผลย้อนหลัง และในไตรมาสที่ 4/2567 อาจบันทึกค่ารักษาโรคยากต่ำกว่า 12,000 บาทต่อ RW ก็ตาม นอกจากนี้ผู้บริหารยังมั่นใจในการกลับมาของผู้ป่วยคูเวต หลังสถานทูตขอข้อมูลค่าบริการไปตรวจสอบและมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลสม่ำเสมอ คาดเห็นผลในปี 2568 แม้จะไม่มีการประกาศรายชื่อโรงพยาบาลที่ได้รับเลือกอย่างเป็นทางการ และในปีหน้าอาจมีโอกาสเติบโตเพิ่มจากการต่อรองขึ้นราคากับประกันสังคมทั้งในส่วนค่ารักษาโรคยากและโรคเรื้อรัง หากกลุ่มสมาชิกโรงพยาบาลต่อรองสำเร็จ

  • AURA : ราคาพื้นฐาน 20.10 บาท

เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ AURA จากผลประกอบการที่แข็งแกร่งสวนทางกับราคาหุ้นที่ปรับตัวลง โดยเราปรับประมาณการกำไรปี 2568/69 เพิ่มขึ้น 2% และ 9% ตามลำดับ จากความเชื่อมั่นของผู้บริหารต่อการเติบโตในสามปีข้างหน้า และโอกาสการปรับขึ้นค่ากำเหน็จของอุตสาหกรรม นอกจากนี้ธุรกิจสินเชื่อจำนำทองจะเป็นปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตในปี 2568/69 ขณะที่มูลค่าหุ้นอยู่ที่ PE’68 เพียง 15 เท่า เทียบกับอัตราการเติบโตปี 2568 ที่ 16% และมีอัตราเงินปันผล 3% ณ ราคาปัจจุบัน

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

  • วันศุกร์ ติดตามตัวเลขส่งออก (Export) ของ ธปท. เดือน ต.ค. เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 1.1% YoY และตัวเลขนำเข้า (Import) เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 9.5% YoY
- Advertisement -