ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นเมินไบเดนประกาศระบายน้ำมันดิบออกจากคลัง SPR เพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมัน/ เรามีมุมมองเป็นกลางต่อกลุ่มพลังงาน แนะนำเปลี่ยนกลุ่มต้นน้ำเป็นกลุ่มโรงกลั่นและปลายน้ำ / คาด SET 1640-1650 หุ้นแนะนำ SPRC, CK

ปัจจัยต่างประเทศ: ติดตามราคาน้ำมันอาจแกว่งตัวผันผวนระยะสั้น ล่าสุดทางปธน.สหรัฐฯโจ ไบเดนประกาศว่า สหรัฐจะระบายน้ำมันดิบจำนวน 50 ล้านบาร์เรลออกจากคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ (SPR) เพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันในตลาด รวมถึงสหราชอาณาจักร, จีน, ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้ และอินเดีย ที่พร้อมร่วมมือระบายน้ำมันดิบออกมาเช่นกัน เพื่อบรรเทาปัญหาสัญญาราคาน้ำมันดิบ WTI และ Brent ที่พุ่งสูงขึ้นมากกว่า 70% ในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา และเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญผลักดันเงินเฟ้อเร่งตัวสูงในช่วงที่ผ่านมา ถึงแม้การระบายออกมาดังกล่าวจะถือว่าน้อยและไม่ได้มีผลต่ออุปทานเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะ แต่ถือเป็นการส่งสัญญาณว่าหลายประเทศไม่พอใจกับระดับราคาน้ำมันแถวนี้ อย่างไรก็ตามราคาสัญญาน้ำมันดิบค่อนข้างผันผวนระหว่างวัน โดยราคากลับพุ่งขึ้นหลังนายไบเดนประกาศ เนื่องจากนักลงทุนกังวลแผนการผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปกพลัสที่ประกาศก่อนหน้านี้ว่าพร้อมที่จะปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันเพื่อหักล้างกับปริมาณน้ำมันที่จะเพิ่มขึ้นจากการที่สหรัฐและชาติพันธมิตรทำการระบายน้ำมันจากคลัง SPR หรือหากการแพร่ระบาดของโควิด ซึ่งถ้าหากทางโอเปกพลัสทำจริง อุปทานที่เข้ามาในตลาดลดลงก็อาจพยุงราคาน้ำมันและหักล้างปัจจัยกดดันราคาน้ำมันอย่างการระบายน้ำมันจากคลังของกลุ่มประเทศพันธมิตร, การ lockdown ของยุโรป, การเจรจา Nuclear deal ของอิหร่านและจำนวน Oil rig count ของสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์ของสหรัฐ โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันนี้ เวลา 22.30 น.ตามเวลาไทย รวมถึงการประชุมของโอเปกพลัสครั้งถัดไปในวันที่ 2 ธ.ค. เราคาดว่าราคาน้ำมันจะผันผวนสูงขึ้นจากแรงหนุนและแรงต้านที่ยังประเมินลำบาก ทั้งนี้เราคาดว่าราคาน้ำมันจะยังทรงตัวระดับสูงในช่วงไตรมาสสี่ก่อนที่จะเริ่มปรับตัวลดลงอย่างค่อยเป็นค่อยไปในไตรมาสหนึ่งปีหน้า ดังนั้นเรายังคงมีมุมมองเป็นกลางต่อกลุ่มพลังงาน โดยเราแนะนำทยอยเปลี่ยนการลงทุนจากกลุ่มพลังงานต้นน้ำเช่น PTTEP, PTTGC มากลุ่มโรงกลั่น (SPRC, TOP) และกลุ่มพลังงานปลายน้ำ (OR, PTG)

ปัจจัยภายในประเทศ: มุมมองภาพรวมกลุ่ม Sector Healthcare เรายังคงมีมุมมองเป็นบวก ทั้งนี้โรงพยาบาลที่มีสัดส่วนรายได้จากคนไข้ต่างประเทศสูง น่าจะมีผลการดำเนินงานโดดเด่นกว่าคู่แข่งในปี 2565  เราคาดว่าโควิดจะกลายเป็นโรคประจำถิ่นในที่สุด รายงานกำไรไตรมาส 3/2564 ของหุ้นทุกตัวออกมาดีกว่าที่เราคาด นำโดย รพ. ที่เน้นบริการโควิด ซึ่งทิศทางของผลประกอบการจะตรงกันข้ามในไตรมาส 4/2564 เรายังคงมุมมองเชิงบวกต่อกลุ่มการแพทย์โดยมี BDMS เป็นหุ้นเด่นในกลุ่ม เราแนะนำ “ซื้อ” BDMS, PR9, BCH ขณะที่แนะนำ “ขาย” THG และแนะนำ “ถือ” หุ้นที่เหลือในกลุ่ม

มุมมองตลาดหุ้น คาด SET 1640-1650 หุ้นแนะนำ SPRC, CK

Top pick:  SPRC (ราคาพื้นฐาน 14.00 บาท). จากแนวโน้มค่าการกลั่นที่ค่อยๆ ปรับเพิ่มขึ้นไปสู่ระดับ up-cycle ใหม่ในปี 65. CK (ราคาพื้นฐาน 29.67 บาท). คาดว่าจะลงนามโครงการรถไฟรางคู่ในไตรมาส 4/2564 โรงไฟฟ้าพลังงานน้ำของ CKP ในปี 2565 และโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มจะเปิดประมูลไตรมาส 1/2565. แนะนำซื้อจาก backlog ที่เติบโตดีและ holding discount ที่ลดลงหากจ่ายเงินปันผลเพิ่มขึ้น

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

วันพุธ ติดตาม ตัวเลข Info business climate ของเยอรมันเดือน พ.ย. คาด 96.7 จุด (-1% MoM) ตัวเลขการขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐฯรายสัปดาห์คาด +2.6 แสนคน ตัวเลข New home sales ของสหรัฐฯ เดือน ต.ค. คาด -2% MoM เป็น 8 แสนยูนิต ดัชนี PCE Price index เดือน ต.ค. ของสหรัฐฯคาด +0.6% MoM และ +4.9% YoY ปริมาณสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ รายสัปดาห์ และ FOMC minutes

วันศุกร์ ติดตาม ถ้อยแถลงของ ECB President Lagarde และตัวเลข Oil rig count ของสหรัฐฯ โดยสัปดาห์ล่าสุดอยู่ที่ 461 rig (+7 rig WoW)

- Advertisement -