ปัจจัยต่างประเทศ: มีรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐออกมาหลายตัวเมื่อคืนมีทั้งดีกว่าและแย่กว่าคาดผสมกันไป แต่โดยรวมถือว่าเป็นบวกต่อตลาดเล็กน้อย 1) กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 71,000 ราย สู่ระดับ 199,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 260,000 ราย ปรับตัวลงเป็นสัปดาห์ที่ 8 ติดต่อกันและต่ำสุดในรอบกว่า 50 ปี แสดงถึงภาพตลาดแรงงานที่แข็งแกร่งต่อเนื่องและดีกว่าคาดมากพอสมควร 2) ตัวเลข GDP Q3 สหรัฐฯ ขยายตัว 2.1% สูงกว่าประมาณการครั้งแรกที่ระดับ 2.0% แต่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.2%  โดยก่อนหน้านี้ เศรษฐกิจกิจสหรัฐเติบโต 6.7% ในไตรมาส 2 และ 6.3% ในไตรมาส 1 ที่ผ่านมา 3)  ตัวเลขคำสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐาน (Core Durable Goods Orders) เดือนต.ค. ขยายตัว 0.5% MoM ตามคาด 4) ตัวเลขยอดขายบ้านใหม่ New Home Sales เดือนต.ค. ออกมาที่ระดับ 745,000 หน่วย ซึ่งน้อยกว่าตลาดคาด 5) ตัวเลขเงินเฟ้อพื้นฐาน  Core PCE เดือนต.ค. ที่ออกมา 4.1% YoY ตามตลาดคาด

ปัจจัยภายในประเทศ: สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ปรับแผน PDP ใหม่เร่งเพิ่มพลังงานสะอาด โดยได้ปรับเพิ่มสัดส่วนพลังงานสะอาดให้เร็วขึ้นในปี 2021-2030 เบื้องต้นกบง.พิจารณา 10 ปีแรก ซึ่งจะบรรจุไว้ในแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศไทยฉบับใหม่ (PDP 2022) ให้เพิ่มสัดส่วนพลังงานสะอาดในระบบ โดยมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) และ 3 การไฟฟ้า ไปดูศักยภาพสายส่งเพื่อรองรับพลังงานสะอาดที่จะเข้าระบบเพิ่มขึ้น เบื้องต้นจะเป็นการปรับลดสัดส่วนโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติลง 700 เมกะวัตต์ และจะเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดเพิ่มขึ้นสุทธิ 1,000 เมกะวัตต์ ซึ่งสัดส่วนพลังงานสะอาดที่เพิ่มขึ้นหลังปรับแผน 10 ปี จะเพิ่มเป็น 26% ของกำลังการผลิตไฟฟ้าทั้งหมดจากปัจจุบันอยู่ที่ 23% หรือคิดเป็น 65% ของกำลังการผลิตใหม่ที่จะเพิ่มขึ้นตลอด 10 ปีข้างหน้า ทั้งนี้การ reallocation แผนดังกล่าวซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในครึ่งหลังของปีหน้า เราคาดว่ากลุ่มหุ้นโรงไฟฟ้าจะได้รับประโยชน์จากการขยายกำลังการผลิตเพิ่มเติมจากแผน โดยพลังงานน้ำที่เพิ่มขึ้นจาก 1,426 MW เป็น 2,818 MW คาดว่า GULF และ CKP จะได้ประโยชน์ พลังงานลมเพิ่มขึ้นจาก 270 MW เป็น 1,500 MW คาดว่า GULF, EA จะได้ประโยชน์ และพลังงานขยะที่เพิ่มขึ้นจาก 400 MW เป็น 600 MW คาดว่า TPCH, ACE, TPIPP จะได้ประโยชน์ สำหรับมุมมองของเรา sector โรงไฟฟ้ามีมุมมองเป็นกลาง โดยเราให้ BGRIM เป็น top pick จากราคาหุ้นที่ laggard สุดในกลุ่ม ขณะที่บริษัทยังมีแผนขยายกำลังผลิตเพิ่มเติมที่กำลังพิจารณาจะเข้ามาสนับสนุนในระยะข้างหน้า

มุมมองตลาดหุ้น คาด SET 1645-1655 หุ้นแนะนำ TTB, CHAYO, EPG

Top pick:  TTB (ราคาพื้นฐาน 1.28 บาท).เริ่มมีมุมมองเชิงบวกมากขึ้น และอาจเริ่มเห็นการ synergy มากขึ้นหลังจากที่มีการควบรวมกิจการรวมทั้งคาดว่าจะฟื้นตัวดีขึ้นในไตรมาสสี่หลังเปิดเมือง ทั้งนี้ถือเป็นหุ้นที่ laggard ในกลุ่มธนาคาร. CHAYO (ราคาพื้นฐาน 14.80 บาท). คาดโอกาสขายสินทรัพย์ NPA จะช่วยหนุนกำไรบริษัท ขณะที่ข่าวธปท. มีแผนแก้กฎหมายให้กล่ม AMCs สามารถบริการหน่วยงานด้านการเงินของรัฐบาล คาดว่าบริษัทจะเป็นผู้รับผลประโยชน์หลัก. EPG (ราคาพื้นฐาน 14.00 บาท). คาดแรงหนุนของยอดขายทั้ง 3 ธุรกิจจะยังเติบโตต่อเนื่อง โดยคาดการเติบโตเฉลี่ย 3 ปีข้างหน้า (FY21A-FY24E) ที่ประมาณ 20% ต่อปี นอกจากนี้ยังมี upsides จาก M&A ด้วยหลังฐานะการเงินจะพลิกเป็น net-cash ปีหน้า ขณะที่บริษัทสามารถส่งต่อต้นทุนที่ปรับตัวสูงขึ้นผ่านการปรับราคาขายขึ้นได้.

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ วันศุกร์ ติดตาม ถ้อยแถลงของ ECB President Lagarde และตัวเลข Oil rig count ของสหรัฐฯ โดยสัปดาห์ล่าสุดอยู่ที่ 461 rig (+7 rig WoW)

- Advertisement -