บล.ฟินันเซีย ไซรัส: 16/12/67

Daily Focus: โมเมนตัม SET ยังเสียงซึมลงต่อระยะสั้น

2025 SET Target: 1600

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ยังคงปรับตัวลงต่อเนื่องตามคาด ดัชนีปิดลบอีก 8.22 จุด ที่ระดับ 1,431.67 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายทรงตัวราว 4 หมื่นลบ. โดยยังคงมีแรงขายกดดันในหุ้นขนาดใหญ่บางตัว เช่น DELTA BH สถาบันในประเทศซื้อสุทธิในตลาดหุ้นบางๆ 162 ลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิต่อเนื่องแต่บางลงเหลือ 484 ลบ. (แต่ Short Index Futures สูงถึง 2.9 หมื่นสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index จะแกว่งตัว Sideways to Sideways Down หลังสัปดาห์ก่อนหลุดต่ำกว่าแนวรับ 1,432 จุดลงมาเล็กน้อย ทำให้ภาพรวมยังมีความเสี่ยงทยอยซึมตัวลงหาแนวรับหลัก Low เดิมบริเวณ 1,420-1,422 จุด ภาพรวมตลาดยังขาดปัจจัยหนุน โดย Bond Yield สหรัฐฯ ยังขยับตัวขึ้นต่อเนื่อง จำกัด Upside สินทรัพย์เสี่ยง ขณะที่ตลาดรอติดตามผลการประชุม FED นัดสุดท้ายของปีสัปดาห์นี้ ซึ่งค่อนข้างแน่ว่าจะปรับลดดอกเบี้ยลงอีก 25 bps สู่ระดับ 4.25-4.50% แต่อาจส่งสัญญาณการดำเนินนโยบายในปี 2025 ที่ตึงตัวมากขึ้นผ่าน Dot Plot ส่วนปัจจัยในประเทศสัปดาห์นี่ติดตามการประชุมกนง. ซึ่งคาดว่าจะยังคงดอกเบี้ยที่ 2.25% นอกจากนี้ต้องติดตามการประชุมครม.นัดที่เหลือของปีว่าจะมีการออกมาตรการสนับสนุนการใช้จ่ายและลดหย่อนภาษีออกมาหรือไม่ ส่วนประเด็นการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาทจะประชุมอีกครั้งวันที่ 23 ธ.ค. โดยเฉพาะการบริโภค เช่น ค้าหลักอาหาร ไฟแนนซ์ รวมถึงผลบวกจากมาตรการแก้หนี้ “คุณสู้ เราช่วย” ในปีหน้า ระยะสั้นเราคาดหวังแรงพยุงจาก VAYU1 รวมถึง SSF TESG ช่วงท้ายปีในช่วงจังหวะดัชนีย่อตัวลงใกล้ระดับ 1,400+- จุด ส่วนระยะกลาง-ยาวยังคาดหวังภาพเศรษฐกิจไทยที่อยู่ในช่วงทยอยเร่งตัวใน 4Q24 จาก High Season ของการใช้จ่ายและการท่องเที่ยว รวมถึงปี 2025 ที่มองภาคการลงทุนทั้งรัฐและเอกชนจะเป็นหนึ่งในเครื่องยนต์หลัก หนุนการเติบโตจะช่วยหนุนให้ดัชนีทยอยไต่ระดับขึ้นในปีหน้า

กลยุทธ์ : เน้น Domestic Play ที่มีแนวโน้มกำไร 4Q24-2025 แข็งแกร่ง // ส่วนที่สะสมในช่วงก่อนหน้ายังถือลงทุนระยะกลาง-ยาว

หุ้นเด่นเดือน ธ.ค. : AAV, BDMS, CPALL, MAGURO, RBF

FSSIA Portfolio: BA, CHG, CPALL, KTB, MTC, NSL, RBF, SEAFCO, SHR, WHA

หุ้นเด่น Finansia 16 ธ.ค. 24 : BH

• แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 285 บาท
• ราคาหุ้นปรับลงแรงราว 30% จาก High ในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมาตอบรับกำไร 3Q24 ที่ออกมาต่ำกว่าคาด รวมถึงโมเมนตัม 4Q24 ที่ยังไม่สดใสนักจากรายได้ที่เริ่มย่อตัว อย่างไรก็ตามเรามองว่าตลาดตอบรับเชิงลบมากเกินไปโดยในด้านกำไรของ BH ยังยืนทรงตัวได้ในระดับสูง
• ราคาหุ้นปัจจุบันเทรด 2025PER เพียง 19.3 เท่า เทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีตที่ราว 30 เท่า ส่วนทางเทคนิค Indicator ทั้ง RSI และ Stochastic ส่งสัญญาณ Oversold อย่างมาก  เราคาดหวังเห็นการ Rebound ระยะสั้น
• แนวรับ 190//180 บาท แนวต้าน 197-200//205 บาท 

Fund Flow : เมื่อวันศุกร์กระแสเงินทุนยังคงไหลออกจากภูมิภาคสุทธิอีก US$432 ล้าน นำโดยไต้หวัน US$202 ล้าน รองลงมาคือเกาหลีใต้ US$117 ล้าน ส่วนอาเซียนเม็ดเงินไหลออกทุกประเทศ สูงสุดที่อินโดนีเซีย US$87 ล้าน ต่ำสุดที่เวียดนาม US$1 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่ายังค่อนไปในทิศทางไหลออกจาก Bond Yield สหรัฐฯ ที่ยังพุ่งขึ้น ขณะที่ Dollar Index ยังทรงตัวสูง นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามการประชุม FED นัดสุดท้ายของปีสัปดาห์นี้

ประเด็นสำคัญวันนี้

(-) CPAXT ประกาศตั้งบริษัทย่อยใหม่ “Axtra Growth Plus” ถือหุ้น 95% และ MQDC Town 5% ด้วยเงินลงทุน 8,390 ลบ. โดย Source of fund เป็นเงินกู้ยืมระยะยาว ทั้งจำนวน ซึ่ง Axtra growth plus ถือหุ้นใน “Happitat at the Forestias” 100% ซึ่งประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาฯ แบบ Mixed-use development ภายใต้โครงการ “The Happitat” ตั้งอยู่ด้านหน้าของโครงการ estas บริเวณถนนบางนา-ดราด กม. 5-6 โดยโครงการสร้างเสร็จแล้วราว 80% และคาดเริ่มเปิดดำเนินการ 1Q26 ระยะสั้นมองเป็นลบเล็กน้อย จากดอกเบี้ยจ่ายที่สูงขึ้นจะกระทบประมาณการกำไรปี 2025 ราว 1-2% ทั้งนี้บริษัทคาดว่าโครงการจะ Break even ระดับ EBITDA ภายในปี 2026 และระดับ EBIT ใน ปี 2027 เบื้องต้นประเมินว่ามีโอกาสเห็น Downside และปรับประมาณการกำไรและราคาเป้าหมาย 42 บาทลง

(+) AWC คาดว่ากำไรปกติ 4Q24 จะโต 15-20% y-y ปัจจัยผลักดันมาจากคาด RevPAR จะโต 15-20% y-y ใน 4Q24 และอัตราการเข้าพักที่อยู่ในเกณฑ์ดี คาดกำไรปกติจะกระโดดเพิ่ม 30% y-y ในปี 2025 จากจำนวนห้องของโรงแรมจะเพิ่มขึ้น 13% ใน 4 โรงแรมใหม่ ขณะที่ผลประกอบการของ Asiatique น่าจะปรับตัวดีขึ้นในปี 2025 อย่างไรก็ตาม เราปรับลดประมาณการกำไรปี 2024-26 ลง 13-22% เพื่อสะท้อน Ramp-up pace ล่าสุด สำหรับปี 2025 คาดกำไรปกติจะเติบโต 30% y-y ได้ราคาเป้าหมายใหม่ 5.20 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”

(0) คาดการณ์หุ้นเข้าออก SET50/100 งวด 1H25 สำหรับ SET50 คาดหุ้นเข้า BANPU SAWAD COM7 CCET หุ้นออก TIDLOR CENTEL BCP EA ส่วนด้าน SET100 คาดหุ้นเข้า CCET JTS TVO AURA หุ้นออก MBK SKY TIPH RBF โดยตลท.จะประกาศอย่างเป็นทางการช่วงกลางเดือน ธ.ค.

(-) ตลาดดาวโจนส์ ลดลง 86.06 จุด หรือ -0.20%, ปิดที่ 43,828.06 จุด ท่ามกลางการซื้อขายที่ซบเซา โดยดัชนี S&P500 และดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลงในรอบสัปดาห์นี้ ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดบวกต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกัน

(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบในวันศุกร์ (13 ธ.ค.) และลดลงเป็นสัปดาห์แรกในรอบ 3 สัปดาห์ ขณะที่นักลงทุนต้องการความชัดเจนเกี่ยวกับการผ่อนคลายนโยบายการเงินในเขตยูโรโซนในปีหน้า ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจและความเสี่ยงที่จะเกิดสงครามการค้า

(+) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดบวกเป็นส่วนใหญ่ รอรับผลการประชุมธนาคารกลาง ต่างๆอย่าง FED, BoJ และ PBoC ภายในอาทิตย์นี้

(-) ค่าเงินบาท อ่อนค่า อยู่ที่บริเวณ 34.13 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ 0.53%

(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 1.27 ดอลลาร์ หรือ 1.81% ปิดที่ 71.29 ดอลลาร์/บาร์เรล ปิดพุ่งขึ้นเกือบ 2% ในวันศุกร์ (13 ธ.ค.) แตะระดับสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์ เนื่องจากการคาดการณ์ที่ว่า การคว่ำบาตรเพิ่มเติมกับรัสเซียและอิหร่านอาจทำให้อุปทานตึงตัวขึ้น และอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงในยุโรปและสหรัฐฯอาจช่วยหนุนความต้องการน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้น ในขณะที่เช้านี้ลดลงอยู่ที่ระดับ 71.04 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ -0.35%

(-) ราคาทองคำตลาด COMEX ลดลง 33.60 ดอลลาร์ หรือ 1.24% ปิดที่ 2,675.80 ดอลลาร์/ออนซ์ ในวันศุกร์ (13 ธ.ค.) จากแรงขายทำกำไรหลังจากราคาพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 5 สัปดาห์ในวันพฤหัสบดี และถูกกดดันจากการที่ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นด้วย แต่ราคาทองคำยังคงปิดบวกในรอบสัปดาห์นี้ จากความคาดหวังที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในสัปดาห์หน้า ในขณะที่เช้านี้ลดลงอยู่ที่ระดับ 2,664.00 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือ -0.44%

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 863.90/ -0.53%

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

- Advertisement -