บล.กสิกรไทย:
MAJOR 2568 ปีแห่งการกลับมา เราคาดว่ากำไรสุทธิ MAJOR จะฟื้นตัวขึ้นในปี 68 หนุนจากภาพยนตร์ไทยที่มีโมเมนตัมดีขึ้นและจำนวนภาพยนตร์ฮอลลีวูดที่รอเข้าฉาย
- MAJOR รายงานงบการเงินไตรมาส 3/2567 โดยมีกำไรสุทธิที่ 50 ลบ. หากไม่รวมรายการที่ไม่ใช่รายการหลัก กำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 60 ลบ. เพิ่มขึ้น 33.7% YoY ตามกำไรจากการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น แต่ลดลง 69.2% QoQ จากเป็นช่วงโลว์ซีซั่นของยอดขาย กำไรปกติไตรมาส 3/2567 ต่ำกว่าที่เราคาดการณ์ไว้ 10.2% จากรายได้ลดลง รวมถึงต้นทุนและภาษีที่สูงขึ้น กำไรปกติช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 คิดเป็น 42.1% ของประมาณการทั้งปีของเรา
- แห่งการกลับมา…เราคาดว่ารายได้และกำไรปกติของ MAJOR จะฟื้นตัวขึ้นในปี 2568 โดยคาดจะเติบโตขึ้น 55.8% YoY เราเชื่อว่าอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยที่แข็งแกร่งขึ้นควบคู่ไปกับการขยายจำนวนโรงภาพยนตร์ในต่างจังหวัดของ MAJOR และกลยุทธ์การกำหนดราคาที่มีประสิทธิภาพจะเพิ่มส่งผลบวกอย่างต่อเนื่อง เราคาดว่าภาพยนตร์ฮอลลีวูดจะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นหลังทำผลงานได้น่าผิดหวังในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา
- …แต่ยังไม่ฟื้นตัวขึ้นเต็มที่จากระดับโควิด-19 ประมาณการรายได้และกำไรจากการดำเนินงานในปี 2568 ของเราเท่ากับ 97.5% และ 98.5% ของระดับในปี 2562 (ก่อนเกิดโควิด-19) ตามลำดับ ขณะเดียวกัน เราคาดว่ารายได้และกำไรจากการดำเนินงานของ MAJOR จะมากกว่าระดับก่อนเกิดโควิด-19 ในปี 2569 ระดับการฟื้นตัวที่ดีขึ้นอาจมีปัจจัยหนุนจากพฤติกรรมการบริโภคคอนเทนต์ของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปจากแพล็ตฟอร์มคอนเทนต์ใหม่ เช่น สตรีมมิ่ง ออนไลน์ เป็นต้น ที่ได้รับความนิยมมากขึ้น
- เราคาดว่า MAJOR จะรายงานกำไรปกติไตรมาส 4/2567 ที่อ่อนแอที่ 197 ลบ. ลดลง 20.7% YoY เราลดประมาณการกำไรปกติปี 2567/68/69 ลง 35.0%/17.6%/11.35% เนื่องจากเราปรับลดประมาณการค่าตั๋วเข้าชมภาพยนตร์เฉลี่ยลง 15.3%/2.8% ในปี 2567/68
แนะนำ “ซื้อ” MAJOR ราคาเป้าหมาย 17.51 บาท จาก
1) การปรับเพิ่มประมาณการอุปสงค์ภาพยนตร์ฮอลลีวูดและภาพยนตร์ไทยในปี 2568-70 ของเรา
2) กลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพของ MAJOR ในการกำหนดราคาและวางตำแหน่งแบรนด์เพื่อเจาะตลาดต่างจังหวัด