บล.คันทรี่ กรุ๊ป:
บมจ. อาปิโก ไฮเทค (AH) “ปีหน้า ได้งานใหม่มูลค่าหลายร้อยล้าน”
4Q21 ค่อยๆ ดีขึ้น แต่ที่น่าตื่นเต้นจะเป็นปีหน้ามากกว่า
วานนี้ (25 พ.ยง) เราได้มีโอกาสสอบถามถึงแนวโน้มผลประกอบการในอนาคต โดย ช่วง 4Q21 รายได้จะกลับมาเติบโตขึ้นจาก 3Q21 ได้โดยเฉพาะรายได้จากธุรกิจตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ ขณะที่รายได้ในกลุ่มชิ้นส่วนรถยนต์คาดในประเทศไทยและจีนฟื้นตัวได้ แต่ในส่วนของโปรตุเกสอาจจะแค่ทรงตัว เพราะเป็นช่วงท่ีมีวันหยุดค่อนข้างมาก (รวมถึงปัญหาต้นทุนเหล็กที่เพิ่มขึ้น ยังไม่สามารถผลักภาระได้ทั้งหมด เพราะราคายังไม่หยุดปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่ในประเทศไทยมีการเจรจากับลูกค้าได้บ้างแล้ว) แต่ส่ิงท่ีน่าสนใจคือ ปี 22 ได้รับคําส่ังซื้อเพิ่มจาก FORD ในรถกระบะท่ีเปิดตัวไปล่าสุด (เป็นโมเดลเดียวที่ใช้สำหรับทุกตลาดในโลก) โดยคาดว่าจะทยอยรับรู้ในช่วง 1Q22 เป็นต้นไป ซึ่งมีมูลค่ารวมกว่า 700 ลบ.ในปีแรก และทยอยเพิ่มขึ้นเป็น 1,000 ลบ.ซึ่งเป็นปัจจัยบวกที่ทำให้รายได้ปรัวตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศ ที่คาดว่าการผลิตจะเติบโต 10% สำหรับรถ EV ปัจจุบันยังมีสัดส่วนไม่มากนัก แต่อนาคตมีความพร้อมที่จะผลิตได้ ไม่ว่าจะเป็นโรงงานที่ไทย โปรตุเกส หรือจีน
3Q21 มีกำไร 235 ลบ. (-22%YoY,-6%QoQ)
3Q21 มีกำไร 235 ลบ. แต่หากไม่รวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 108 ลบ. จะมีกำไรปกติ 127 ลบ. (-49%YoY, -39%QoQ) ลดลงเพราะรายได้และกำไรขั้นต้นหดตัวจากผลกระทบของมาตรการล๊อคดาวน์ รายได้อยู่ท่ี 4,244 ลบ. (-11%YoY, -12%QoQ) ส่วนใหญ่มาจากธุรกิจต้วแทนจำหน่ายรถยนต์ หลังจากธุรกิจที่มาเลเซียต้องหยุดไปกว่า 2 เดือน รวมถึงท่ีโปรตุเกสยังมีปัญหาเรื่องชิปขาดแคลนอยู่ กำไรขั้นต้นอยู่ที่ 9% ลดลงจาก 11% ใน 3Q20 และ 11.6% ใน 2Q21 จากผลกระทบของต้นทุนเหล็กที่เพิ่มขึ้น ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารอยู่ที่ 310 ลบ.(+ 3%YoY, +21%QoQ) ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุน (รวมกิจการร่วมค้า) อยู่ที่ 64 ลบ.(+31%YoY, +12%QoQ)
ปรับประมาณการเล็กน้อย แต่ยังคงคำแนะนำเดิม
เราปรับประมาณการกำไรในปี 21 ขึ้นจากเดิม 10% มาอยู่ที่ 1,063 ลบ.แต่ถ้าไม่รวมรายการพิเศษกำไรปกติจะลดลงจากเดิม 16% เหลือ 810 ลบ. (+455%YoY) เพื่อสะท้อนถึงกำไรปกติในงวด 9M21 ที่คิดเป็นสัดส่วนเพียง 66% ส่วนปี 22 เราคาดรายได้และกำไรสุทธิที่ 22,862 ลบ. (+15%YoY) และ 1,064 ลบ. (+31%YoY เมื่อเทียบกับกำไรปกติ) สำหรับคำแนะนำการลงทุน จากแนวโน้มการฟื้นตัวของผลประกอบการ เราจึงยังคงคำแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” เช่นเดิม และประเมินมูลค่าเหมาะสมได้ที่ 30 บาท (10XPER’22E)