Daily Focus: Santa Rally ลุ้นหนุน SET กลับทดสอบ 1,400 จุด

2025 SET Target: 1600

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ฟื้นตัวได้ต่อเนื่องตามคาด โดยกรอบการบวกแคบลงจากวันก่อนหน้าเหลือ 7.76 จุด ปิดที่ระดับ 1,394.67 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่เบางบาง 3 หมื่นลบ. เนื่องจากตลาดต่างประเทศเข้าช่วงวันหยุดเทศกาลคริสต์มาส อย่างไรก็ตาม มีแรงซื้อกลับในหุ้นขนาดใหญ่ที่ปรับลงแรงก่อนหน้า เช่น CPAXT CPALL TOP เป็นต้น สถาบันในประเทศซื้อสุทธิในตลาดหุ้นต่อเนื่องอีก 1.6 พันลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติพลิกมาขายสุทธิ 1.2 พันลบ. (สถานะใน Index Futures ยังคงค่อนข้างเบาบางไม่มีนัยยะนัก)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index จะแกว่ง Sideways to Sideways Up และมีลุ้นทดสอบแนวจิตวิทยาที่ 1,400 จุด โดยยังคงได้ Sentiment บวกหนุนจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ และปรากฏการณ์ Santa Rally แต่มูลค่าการซื้อขายคาดว่ายังเบาบางต่อเนื่องจากต่างประเทศหลายที่ที่ปิดทำการวันนี้ ส่วนปัจจัยในประเทศเรามองว่ายังมีโอกาสเห็นแรงซื้อที่ทยอยกลับเข้ามาในหุ้น CPAXT CPALL หลังวานนี้ AIMC มีมติให้ลงทุนใน CPAXT ต่อได้อย่างระมัดระวัง นอกจากนี้คาดมติครม.เห็นชอบการขึ้นค่าแรงขั่นต่ำปี 2025 การแจกเงินหมื่นเฟส 2 และอนุมัติมาตรการ Easy e-Receipt 2.0 คาดยังเป็นแรงหนุนอ่อนๆ ต่อกลุ่ม Consumption Play ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตามวันนี้คือส่งออกไทยเดือน พ.ย. ตลาดคาด +9% y-y ระยะสั้นภาพ SET Index ยังอยู่ช่วงฟื้นตัวหลังปรับฐานแรงก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม Upside คาดว่ายังไม่กว้างเนื่องจากตลาดยังรอจับตาการกลับเข้าสู่ตำแหน่งประธานาธิบดีของทรัมป์ในเดือนหน้า โดยเฉพาะประเด็นสงครามการค้า แต่ในเชิง Valuation ระยะกลาง-ยาว เรายังมองว่าน่าสนใจโดยเทรด PER ต่ำเพียง 14.1 เท่าและให้ Earnings Yield Gap ราว 4.8% และยังคงมุมมองทางบวกการทยอยฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยและกำไรบจ.ใน 4Q24-2025

กลยุทธ์ : เน้น Domestic Play ที่มีแนวโน้มกำไร 4Q24-2025 แข็งแกร่ง // ส่วนที่สะสมในช่วงก่อนหน้ายังถือลงทุนระยะกลาง-ยาว

หุ้นเด่นเดือน ธ.ค. : AAV, BDMS, CPALL, MAGURO, RBF

FSSIA Portfolio: BA, CHG, CPALL, KTB, MTC, NSL, RBF, SEAFCO, SHR, WHA

หุ้นเด่น Finansia 25 ธ.ค. 24 : MASTER

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 56 บาท
  • เราคาดกำไร 4Q24 ที่ 190 ลบ. +74% q-q, +17% y-y ทำจุดสูงสุดของปี นำโดย Performance ของรพ. Masterpiece ที่แข็งแกร่งทั้งรายได้และ Margin นอกจากนี้ยังมีแรงหนุนจากส่วนแบ่งกำไรจากดีลการลงทุนในช่วงที่ผ่านมาที่คาดว่าจะทยอยเพิ่มขึ้น 
  • เราคาดกำไรสุทธิปี 2024 ที่ 493 ลบ. +18% y-y ส่วนปี 2025 คาดโตต่อเนื่องเป็น 622 ลบ. +26% y-y หนุนจากการเติบโตของลูกค้าคนไทยและขยายฐานลูกค้าต่างชาติในแถบอาเซียนร่วมกับ Partner
  • แนวรับ 44-43.75//42 บาท แนวต้าน 46.50//49 บาท 

Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนพลิกมาไหลเข้าภูมิภาคสุทธิบางลงเหลือ US$332 ล้าน ยังคงกระจุกตัวที่ไต้หวัน US$388 ล้าน และพลิกไหลออกจากเกาหลีใต้บางๆ US$9 ล้าน ส่วนฝั่งอาเซียนเม็ดส่วนใหญ่ไหลออก พลิกมาสูงสุดที่ไทย US$35 ล้าน แต่ไหลเข้าเวียดนามบางๆ US$2 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่าจะเบาบาง เนื่องจากเข้าช่วงวันหยุดเทศกาลคริสต์มาส

ประเด็นสำคัญวันนี้

(+) ครม.เคาะมาตรการ Easy e-Receipt โดยส่วนแรก 3 หมื่นบาทเป็นร้านค้าทั่วไปเหมือนปีก่อน ส่วนอีก 2 หมื่นบาทจะต้องเป็นร้าน OTOP หรือวิสาหกิจชุมชน เรามองเป็นบวกต่อกลุ่มค้าปลีก ซึ่งส่วนใหญ่สามารถออกใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ได้หมดแล้ว และคาดกลุ่ม Big ticket อย่าง CRC, HMPRO, COM7 ได้ประโยชน์มากสุด โดยเราชอบ CRC มากที่สุด นอกจากนี้ยังมองบวกต่อร้านอาหาร M ZEN ที่มีการออกใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ได้แล้ว ส่วน MAGURO อยู่ระหว่างจัดทำระบบ คาดจะทันใช้รอบนี้ ยังชอบ MAGURO มากสุดในกลุ่ม

(-) กลุ่มยานยนต์ ยอดขายรถยนต์ภายในประเทศเดือนพ.ย. 2024 -31% Y-y เหลือ 42,309 คัน สาเหตุหลักมาจากการเข้มงวดสินเชื่อ และยอดส่งออก -10% เหลือ 89,646 คัน ส่วนยอดผลิต -28% y-y เป็นการผลิตเพื่อการส่งออกลดลง 21% y-y และผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ -1.3% q-q และ -40% y-y สำหรับยอดผลิตช่วง 11 เดือนแรกของปี 2024 ที่ 1.34 ล้านคัน -20% y-y ซึ่งต้องลุ้นกว่าเดือนธ.ค. แตะ 1.4 แสนคันหรือไม่ เพื่อให้ได้ตามเป้าปีนี้ที่ 1.5 ล้านคัน ยังให้น้ำหนักลงทุน Underweight คาดจะเห็นฟื้นตัวอย่างเร็วสุดใน 2Q25-2H25

(+) Contractor ครม.อนุมัติลงทุนโครงการมอเตอร์เวย์ M5 ระยะเวลาโครงการ 34 ปี เป็นออกแบบและก่อสร้าง 4ปี และบำรุงรักษา 30 ปี คาดการณ์ค่าใช้จ่าย 7.99 หมื่นลบ. โดยเริ่มดำเนินการปี 2025 เราคาดเป็นการประมูลแยกเป็นสัญญาของงานโยธา และงาน 0&M โดยเริ่มจากส่วนของงานโยธาราว 3.1 หมื่นลบ. และมีโอกาสเปิดประมูลผู้รับเหมาใน 1H25 โดยผู้เข้าประมูลหลักคาดเป็น Main Contractor อย่าง CK, STEC, UNIQ, ITD ขณะที่ SEAFCO, PYLON จะได้อานิสงส์ในโอกาส Sub-contract งานเสาเข็ม

(+) CPAXT AIMC ลงมติให้กองทุน ThaiESG และ Thai CG Fund ให้ลงทุนหุ้น CPAXT อย่างระมัดระวัง AIMC ไม่ได้ให้ชะลอหรือลดการลงทุนในหุ้น CPAXT แต่ให้ขึ้นกับดุลยพินิจของ ผู้จัดการกองทุน และให้ระมัดระวังการลงทุนในมุมมองด้าน Good Governance เรามีมุมมองเป็นบวกต่อมติของ AIMC ซึ่งจะช่วงคลายความกังวลกับการลงทุนของนักลงทุนสถาบันต่อทั้งตราสารหนี้และตราสารทุนของ CPAXT อย่างไรก็ดี AIMC จะยังติดตามเรื่องนี้เป็นระยะ ซึ่งรอความชัดเจนของก.ล.ต.ต่อไป

(0) หุ้นเข้า-ออก SET50/100 งวด 1H25 SET50 หุ้นเข้า BANPU SAWAD COM7 CCET หุ้นออก TIDLOR CENTEL BCP EA ส่วน SET100 หุ้นเข้า CCET JTS COCOCO PR9 หุ้นออก MBK TOA TIPH RBF

(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 390.08 จุด หรือ +0.91%, ปิดที่ 43,297.03 จุด ขณะที่ดัชนี Nasdaq และ S&P500 ปิดในแดนบวกเช่นกัน โดยตลาดยังคงได้ปัจจัยหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นบริษัทเทคโนโลยีที่มีมาร์เก็ตแคปสูง และหุ้น Growth Stocks

(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวก โดยหุ้นกลุ่มเหมืองแร่และกลุ่มพลังงานนำตลาดปรับตัวขึ้น ท่ามกลางการซื้อขายที่เบาบางก่อนวันหยุดเทศกาลคริสต์มาส

(0) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดบวกสลับลบ หลังตลาดสหรัฐฯได้รับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และหุ้น Growth Stocks

(+) ค่าเงินบาท แข็งค่า อยู่ที่บริเวณ 34.19 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ -0.16%

(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 86 เซนต์ หรือ 1.24% ปิดที่ 70.10ดอลลาร์/บาร์เรล โดยได้ปัจจัยบวกจากการคาดการณ์ที่ว่าอุปสงค์น้ำมันยังคงมีแนวโน้มสดใสในปีหน้า และคาดว่าอุปทานน้ำมันจะอยู่ในภาวะตึงตัวเล็กน้อย

(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 7.30 ดอลลาร์ หรือ 0.28% ปิดที่ 2,635.50 ดอลลาร์/ออนซ์ ท่ามกลางปริมาณการซื้อขายที่เบาบางก่อนถึงวันหยุดในเทศกาลคริสต์มาส ขณะที่นักลงทุนยังคงจับตาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) รวมทั้งนโยบายภาษีศุลกากรของโดนัลด์ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งคาดว่าจะเป็นปัจจัยบ่งชี้แนวโน้มราคาทองคำในปีหน้า

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 873.95/-

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

25 ธ.ค.ไทย: ส่งออก (พ.ย.)

จีน: PBoC 1-year MLF Announcement

26 ธ.ค.สหรัฐ: Initial Jobless claims (ธ.ค./21)
29 ธ.ค.ไทย: รายงานเศรษฐกิจรายเดือนของธปท. (พ.ย.)
31 ธ.ค.จีน: NBS Manufacturing (ธ.ค.)
2 ม.ค.จีน: Caixin Manufacturing PMI (ธ.ค.)
- Advertisement -