Daily Focus: Core CPI สหรัฐฯ หนุนสินทรัพย์เสี่ยงฟื้นตัวระยะสั้น

2025 SET Target: 1600

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่ง Sideways ก่อนที่ช่วงบ่ายจะมีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นขนาดใหญ่อย่างกระจายตัว หนุนดัชนีฟื้นตัวได้ค่อนข้างแข็งแรงกว่าคาด ปิดบวก 12.92 จุด ที่ระดับ 1,353.17 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.4 หมื่นลบ. สถาบันในประเทศพลิกมาซื้อสุทธิในตลาดหุ้นหนาแน่น 1.9 พันลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิ 962 ลบ. (แต่พลิกมา Long Index Futures สุทธิสูงถึง 2.8 พันสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index ฟื้นตัวต่อเนื่องเข้าหากรอบ 1,360-1,370 จุด หนุนจากปัจจัยบวกต่างประเทศ หลังตัวเลข Core CPI สหรัฐฯออกมาต่ำกว่าคาด (+0.2% m-m, +3.2% y-y) ส่งผลให้ตลาดปรับเพิ่มความคาดหวังที่ FED จะลดดอกเบี้ยขึ้นเล็กน้อย ทำให้ Bond Yield 10 ปีสหรัฐฯ ปรับตัวลงสู่ระดับ 4.65% หลังจากที่พุ่งขึ้นต่อเนื่องในช่วงก่อนหน้าแตะ 4.8% ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นให้ฟื้นตัวระยะสั้น ส่วนปัจจัยในประเทศวันนี้เริ่มต้นมาตรการ Easy e-Receipt ลดหย่อนภาษีจากการซื้อสินค้า เราคาดว่าจะเป็นปัจจัยบวกต่อกลุ่มค้าปลีก ส่วนโฟกัสหลักที่เราแนะนำให้ติดตามยังคงเป็นการคาดการณ์และประกาศกำไรบจ. 4Q24 ซึ่งภาพรวมคาดจะเห็นการฟื้นตัวแรงทั้ง q-q และ y-y โดยต้องติดตามว่าจะเป็นไปตามที่ตลาดคาดได้หรือไม่ หากฟื้นตัวได้ใกล้เคียงคาดและไมได้สร้าง Downside อย่างมีนัยยะต่อประมาณการปี 2025 เราเชื่อว่าจะช่วยจำกัด Downside ของดัชนีได้ ในทางกลับกันหากกำไร 4Q24 รวมถึง Guidance ของบจ.ออกมาสร้างความผิดหวัง และนำไปสู่การปรับประมาณการลง จะกดดันดัชนีต่อเนื่องรวมถึง SET Target ของเรา ระยะสั้นจึงเน้นเลือกหุ้นที่เห็นแนวโน้มกำไรที่ค่อนข้างชัดเจนและมี Dividend Yield ระดับ 3.5-4% ขึ้นไปรองรับ คาดว่าจะเคลื่อนไหวได้แข็งแรงกว่าตลาด

กลยุทธ์ : เน้น Domestic Play ที่มีแนวโน้มกำไร 4Q24-2025 แข็งแกร่ง // ส่วนที่สะสมในช่วงก่อนหน้ายังถือลงทุนระยะกลาง-ยาว

หุ้นเด่นเดือน ม.ค. : CRC, MASTER, NSL, SEAFCO, SHR

FSSIA Portfolio: BA, CHG, CALL, KTB, MTC, NSL, RBF, SEAFCO, SHR, WHA

หุ้นเด่น Finansia 16 ม.ค. 25 : BJC

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 31 บาท
  • เราประเมินแนวโน้มกำไร 4Q24 จะเร่งตัว q-q จาก High Season ของการใช้จ่าย และคาด SSSG เป็นบวกราว 2% y-y ซึ่งเร่งขึ้น 3Q24 อย่างไรก็ตามกำไรจะลดลง y-y จากฐานสูงปีก่อนจากภาษีจ่ายที่เป็นบวก ซึ่งหากดูที่กำไรก่อนภาษีคาดว่ายังเติบโตได้ 
  • คาดกำไรปี 2024 เร่งตัวเป็น 5.1 พันลบ. +16% y-y และคาดมี Sentiment บวกวันนี้จากมาตรการ Easy e-Receipt ซึ่ง BJC ได้ประโยชน์ ราคาหุ้นที่ปรับลงทำให้ Valuation ไม่แพง เทรด PBV เพียง 0.7 เท่า และให้ Dividend Yield เกือบ 4%
  • แนวรับ 21.60//21 บาท แนวต้าน 22.30-22.40//23 บาท 

Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนต่างชาติยังคงไหลออกจากภูมิภาคสุทธิอีก US$1,060 ล้าน แต่กระจุกตัวที่ไต้หวัน US$959 ล้าน และออกจากเกาหลีใต้เพียงบางๆ US$84 ล้าน ส่วนฝั่งอาเซียนเม็ดเงินยังค่อนไปในทิศทางไหลออก สูงสุดที่ไทย US$28 ล้าน ส่วนอินโดนีเซียไหลเข้า US$36 ล้าน หลังธนาคารกลาง Surprise ลดดอกเบี้ยแนวโน้มของกระแสเงินทุนวันนี้ คาดมีโอกาสพลิกมาไหลเข้าหลัง Core CPI สหรัฐฯ ออกมาต่ำกว่าคาด ทำให้ Bond Yield ปรับตัวลงแรง หนุนสินทรัพย์เสี่ยงฟื้นตัว

ประเด็นสำคัญวันนี้

(+) PR9 คาดกำไรสุทธิ 4Q24 ที่ 212 พันลบ. +2% q-q, +13% y-y ทำ all time high หลักๆ มาจากจำนวนผู้ป่วยตะวันออกกลางที่แข็งแกร่ง โดยคาดรายได้จากผู้ป่วยต่างชาติ +40-45% y-y และผู้ป่วยในประเทศ +1-2% y-y ส่งผลให้รายได้รวม +7% y-y แตะ All time high แนวโน้มปี 2025 เราคาดรายได้เติบโต 9% ขณะที่บริษัทคาดโตเลขสองหลักจากการเปิด international Center จะหนุนปริมาณผู้ป่วยต่างชาติเติบโตต่อเนื่อง ซึ่งจะทำให้สัดส่วนรายได้จากผู้ป่วยต่างชาติเพิ่มขึ้นเป็น 10% ในปี 2025 ขณะที่ผู้ป่วยไทยน่าจะเติบโต 3-4% เราปรับขึ้นประมาณการกำไรปกติปี 2024 เล็กน้อย และคงคาดกำไรปกติปี 2025 +13.6% y-y และราคาเป้าหมาย 30 บาท คงคำแนะนำ “ซื้อ”

(-) TU คาดกำไรปกติ 4Q24 ที่ 1.1 พันลบ. -21% q-q, -2.5% y-y อ่อนตัวลงมากกว่าที่เคยคาด รายได้โดยรวมทรงตัวจากค่าเงินบาทแข็งค่าและ demand ที่ไม่สดใสใน EU อัตรากำไรขั้นต้นลดลง q-q ตามธุรกิจ Pet food และค่าใช้จ่ายยังสูงขึ้น คาดกำไรปี 2024 อาจอยู่ที่ 4.8 พันลบ. ต่ำกว่าที่เคยคาด บริษัทยังไม่เปิดเผยเป้าการเติบโตปี 2025 ขณะที่เราคาดรายได้ที่เป็นดอลลาร์สหรัฐเติบโต 7-8% Y-Y จากทั้งธุรกิจ Ambient และ Frozen อย่างไรก็ดี ผลกระทบของ GMT ที่จะปรับขึ้นเป็น 15% จะกระทบกำไรปี 2025 ของเราราว 10-11% ทำให้ประมาณการกำไรสุทธิปี 2025 ที่ 5 พันลบ. ทรงตัว Y-Y เราปรับลดราคาเป้าหมายเป็น 14.70 บาท คาดปันผล 2H24 ให้ div. yield 5% และรอความชัดเจนของผลกระทบจาก GMT รวมถึงผลของคดี Red Lobster จึงลดคำแนะนำเป็น “ถือ”

(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 703.27 จุด หรือ +1.65%, ปิดที่ 43,221.55 จุด หลังสหรัฐฯ เปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) ที่ต่ำกว่าคาดนอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของธนาคารรายใหญ่ในสหรัฐฯ

(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวกมากกว่า 1% หลังการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อที่เป็นไปตามคาดของสหรัฐฯ ได้เพิ่มโอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงครั้งที่ 2 ในปีนี้

(+) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดบวกตามทิศทางของตลาดสหรัฐฯ หลังสหรัฐฯรายงาน ตัวเลข Core CPI ที่ต่ำกว่าคาด

(+) ค่าเงินบาท แข็งค่าอยู่ที่บริเวณ 34.58 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ หรือ -0.31%

(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 2.54 ดอลลาร์ หรือ 3.28% ปิดที่ 80.04ดอลลาร์/บาร์เรล ปิดพุ่งขึ้นกว่า 3% โดยได้ปัจจัยหนุนจากสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ ที่ลดลงมากกว่าคาด รวมทั้งการคาดการณ์ที่ว่าอุปทานน้ำมันในตลาดโลกอาจได้รับผลกระทบจากการที่สหรัฐฯ คว่ำบาตรอุตสาหกรรมน้ำมันรัสเซีย ในขณะที่เช้านี้เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 80.43 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ 0.49%

(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 35.50 ดอลลาร์ หรือ 1.32% ปิดที่ 2,717.80 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังสหรัฐฯ เปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) ที่ต่ำกว่าคาด ซึ่งบ่งชี้ว่าเงินเฟ้อชะลอตัวลงและทำให้นักลงทุนมีความหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะยังไม่ยุติวงจรการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ในขณะที่เช้านี้เพิ่ม ขึ้นอยู่ที่ระดับ 2,724.00 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือ 0.23%

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 872.52/-

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

16 ม.ค.สหรัฐ: ยอดค้าปลีก (ธ.ค.), Initial Jobless Claims
17 ม.ค.อังกฤษ: ค้าปลีก (ธ.ค.)

จีน: GDP 2024, ค้าปลีก (ธ.ค.)

20 ม.ค.จีน: Loan Prime Rate 1Y
21 ม.ค.แตนนาดา: เงินเฟ้อ (ธ.ค.)
- Advertisement -