KS Daily View 17.01.2025>>> S&P 500 ปรับตัวลงเล็กน้อย จากหุ้นใหญ่ในกลุ่มเทคฯ ในขณะที่กลุ่ม Non-tech ปรับตัวขึ้น ด้านหุ้นไทยวานนี้ทรงตัว แม้รีบาวด์ในช่วงแรก วันนี้มอง Sideway ที่กรอบ 1,330 – 1,360 หลังน้ำมันลงแรง แต่ Bond Yield สหรัฐฯ ก็ลดลงเช่นกัน แนะนำ BA, CPAXT
แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศ:
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลงเล็กน้อย โดย S&P 500 ลดลง 0.21% Dow Jones ลดลง 0.16% และ Nasdaq ลดลงมากที่สุดที่ 0.89% สาเหตุหลักมาจากแรงขายในหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ โดยเฉพาะ Apple ที่ร่วงกว่า 4% จากความกังวลเรื่องยอดขายในจีน อย่างไรก็ตาม มีปัจจัยบวกจากถ้อยแถลงของผู้ว่าการเฟดคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ที่ระบุว่าอาจมีการปรับลดดอกเบี้ยถึง 3-4 ครั้งในปีนี้หากเงินเฟ้อชะลอตัวตามคาด นอกจากนี้หุ้นกลุ่มอุปกรณ์ผลิตชิปยังได้แรงหนุนจากการประกาศ CAPEX ที่สูงกว่าคาดของ TSMC ส่วนกลุ่มการเงินมีผลประกอบการที่ดีนำโดย Morgan Stanley ที่ปรับตัวขึ้น 4% ในขณะที่ UnitedHealth Group ร่วง 6% หลังรายงานรายได้ต่ำกว่าคาด
ตลาดหุ้นไทยปิดที่ระดับ 1,352.56 จุด ไม่เปลี่ยนแปลง แม้จะมีแรงรีบาวด์ในช่วงต้นตาม Sentiment ตลาดหุ้นต่างประเทศ แต่มีการย่อตัวลงในช่วงบ่ายและมีกลุ่มหุ้นปิดลบถึง 20 กลุ่ม นำโดยอิเล็กทรอนิกส์ ขนส่ง โรงพยาบาล ในขณะที่กลุ่มค้าปลีกปรับตัวขึ้นโดดเด่นจากปัจจัยบวกอย่าง Easy e-Receipt รวมถึงกลุ่มสื่อสารและพลังงาน เรามองว่าวันนี้ SET น่าจะเคลื่อนไหวในลักษณะ Sideway จากการที่ราคาน้ำมันปรับตัวลงอาจส่งผลเชิงลบต่อกลุ่มพลังงานในวันนี้ แต่ยังมีปัจจัยบวกอย่างความเห็นเชิงผ่อนคลายของผู้ว่าการเฟดที่ทำให้ Bond Yield ปรับตัวลง มองกรอบวันนี้ที่ 1,330 – 1,360 รวมถึงให้ตัวเลขเศรษฐกิจจีนอย่าง GDP 4Q24 เช้านี้ หุ้นแนะนำเป็น BA, CPAXT
ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:
- ข้อมูลยอดค้าปลีกสหรัฐฯ เดือนธันวาคมแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของอุปสงค์ในระบบเศรษฐกิจ โดยเพิ่มขึ้น 0.4% ต่อเนื่องจากการปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือนพฤศจิกายน แม้จะต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 0.6% ก็ตาม ที่น่าสนใจคือยอดค้าปลีกหลักที่ไม่รวมสินค้าผันผวน (Control Group) เพิ่มขึ้นถึง 0.7% มากกว่าคาดที่ 0.4% สะท้อนการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่แข็งแกร่ง
- สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) มีมติเสนอให้ปรับปรุงเงื่อนไขการสนับสนุนราคารับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตรายเล็ก (SPP) และผู้ผลิตรายเล็กมาก (VSPP) จำนวน 533 ราย ให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง เนื่องจากผู้ประกอบการผ่านจุดคุ้มทุนแล้วและต้นทุนอุปกรณ์ลดลงมาก แต่ยังคงได้ราคารับซื้อสูงถึง 3.1617-11.1617 บาทต่อหน่วย ซึ่งสูงกว่าต้นทุนเฉลี่ยที่ 3.02 บาท การปรับปรุงนี้จะทำให้ค่าไฟฟ้าลดลงทันที 17 สตางค์ต่อหน่วย จาก 4.15 บาท เหลือ 3.89 บาท คาดว่าจะช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าให้ประชาชนได้ 33,150 ล้านบาทในปี 2568 โดย กกพ. จะเร่งเสนอเรื่องนี้ต่อนายกรัฐมนตรีในฐานะประธาน กพช. พิจารณาโดยเร็ว
- ไทยเตรียมลงนามความตกลงการค้าเสรี (FTA) กับสมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป (EFTA) ซึ่งประกอบด้วย 4 ประเทศ ได้แก่ สวิตเซอร์แลนด์ นอร์เวย์ ไอซ์แลนด์ และลิกเตนสไตน์ ในวันที่ 23 ม.ค. 2568 ที่เมืองดาวอส สวิตเซอร์แลนด์ โดยนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ ระบุว่าเป็นเอฟทีเอฉบับแรกของไทยกับทวีปยุโรป ครอบคลุม 15 ประเด็นสำคัญ คาดว่าจะมีผลบังคับใช้ภายใน 1 ปี หลังผ่านการให้สัตยาบันจากรัฐสภา ซึ่งจะช่วยดึงดูดการลงทุนและเพิ่มการส่งออก รวมถึงเป็นพื้นฐานในการเร่งเจรจา FTA กับสหภาพยุโรปที่ตั้งเป้าปิดดีลปลายปี 2568
- กระทรวงพาณิชย์โดยนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ ได้เป็นสักขีพยานการลงนามสัญญาซื้อขายมันสำปะหลังระหว่างผู้ประกอบการไทยกับบริษัท COFCO BIOTECHNOLOGY จากจีน ปริมาณ 540,000 ตัน มูลค่า 3,489 ล้านบาท และเมื่อรวมกับ MOU ที่ลงนามก่อนหน้าที่เซี่ยงไฮ้และเฉิงตูอีก 440,000 ตัน ทำให้สามารถดูดซับหัวมันสดในประเทศได้เกือบ 3 ล้านตัน มูลค่ารวม 8,083 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะช่วยดันราคาหัวมันสดจากปัจจุบันที่ 2.20-2.40 บาทต่อกิโลกรัม ให้เพิ่มขึ้นเป็น 2.70-2.90 บาท และตั้งเป้าให้สูงกว่า 3 บาทภายในปีนี้
- อิสราเอลและฮามาสบรรลุข้อตกลงหยุดยิงชั่วคราวในกาซา โดยจะเริ่มมีผลในวันที่ 19 มกราคมนี้และมีระยะเวลา 6 สัปดาห์ในเฟสแรก ซึ่งรวมถึงการถอนกำลังทหารอิสราเอลบางส่วนออกจากกาซาและการแลกเปลี่ยนตัวประกัน 33 คนกับนักโทษปาเลสไตน์ ข้อตกลงนี้สำเร็จจากการเจรจาของอียิปต์และกาตาร์ โดยมีสหรัฐฯ สนับสนุน และถือเป็นก้าวสำคัญสู่การยุติสงครามที่ยาวนาน 15 เดือน ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตในกาซากว่า 46,000 คน
หุ้นแนะนำวันนี้ Top pick:
- BA : ราคาพื้นฐาน 26.87 บาท
เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ BA และแนะนำเก็งกำไรจากมูลค่าหุ้นที PE’68 ลดลงเหลือประมาณ 10 เท่า โดยคาดว่าจะสามารถทำกำไรในไตรมาส 4/2567 แม้จะมีค่าใช้จ่ายตามฤดูกาลสูงขึ้น ต่างจากไตรมาส 4 ของปีก่อนๆ ที่ขาดทุนมาตลอด นอกจากนี้คาดว่าจะได้ประโยชน์จากการท่องเที่ยวในปี 2568 ที่คาดการณ์นักท่องเที่ยว 37.5-40 ล้านคน และโอกาสได้แรงหนุนจากการถ่ายทำซีรีส์ The White Lotus ซีซัน 3 ที่เกาะสมุย โดยคาดว่าไตรมาส 1/2568 จะเป็นช่วงไฮซีซันของสมุย ส่งผลให้ BA มีโอกาสเติบโตแข็งแกร่งในปี 2568
- CPAXT : ราคาพื้นฐาน 39.30 บาท
เรามีมุมมองเชิงบวกต่อแผนกลยุทธ์ปี 2568 ของ CPAXT ที่ประกาศเมื่อวันที่ผ่านมา โดยตั้งเป้าการเติบโตรายได้ในระดับเลขหลักเดียวสูง (High Single Digit) พร้อมเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นอีก 60 bps ในปีหน้า และมุ่งเน้นการเติบโตผ่านช่องทาง Omnichannel ที่คาดว่าจะมีอัตราการเข้าถึงเกิน 20% เทียบกับ 18% ในปี 2567 นอกจากนี้คาดการเติบโตของ EBITDA ในระดับสองหลัก รวมถึงประโยชน์จากการควบรวมกิจการที่จะสร้าง Synergy Value ราว 5,200 ล้านบาท ทั้งจากการประหยัดต้นทุนและการเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นอีก 50 bps โดยจะรับรู้ทั้งหมดในงบกำไรขาดทุนภายใน 2 ปี
รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ
- วันศุกร์ ติดตามการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจของจีนอย่าง GDP 4Q24 ตลาดคาดการณ์ที่ 5.0% YoY เร่งตัวขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าที่ 4.6% YoY ต่อด้วย ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (Industrial Production) เดือน ธ.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 5.4% YoY ทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า และดัชนียอดค้าปลีก (Retail Sales) เดือน ธ.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 3.5% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 3.0% YoY