บล.กรุงศรีฯ:
KSS Reserch Update : Energy (Neutral; top pick SPRC) โรงกลั่นและสถานีฯ มี Overhang กฏหมายคุมราคาน้ำมัน
Fact; ภาครัฐอยู่ระหว่างจัดทำกฏหมายคุมราคาน้ำมัน โดยมีหลักการเบื้องต้นคือ ไม่ต้องการให้อิงราคาน้ำมันสิงคโปร์แต่มาใช้ cost plus แทน และราคาน้ำมันไม่เปลี่ยนทุกวัน ปรับเดือนละครั้ง (คาดหวังค่าการตลาดรวมไม่เกิน 2 บาท/ลิตร)
ผลกระทบ; การใช้หลักการ cost plus เท่ากับภาครัฐต้องการคุมอัตรากำไร (ยังไม่มีรายละเอียดของราคาอ้างอิงและอัตรากำไรที่ชัดเจนที่ภาครัฐต้องการจะควบคุม) ส่วนการปรับราคาน้ำมันเดือนละครั้ง หากไม่ใช้กลไกของภาษีสรรพสามิตและกองทุนน้ำมัน จะกระทบค่าการตลาดน้ำมันของกลุ่มสถานีฯ
ความเห็น
- เรามอง Negative ต่อความเสี่ยงด้านกฏหมายคุมราคาน้ำมัน ที่ รมว.พลังงานอยู่ระหว่างผลักดัน worst case หากเลือกใช้การคุมอัตรากำไรของเอกชนทั้งหมดหรือระบบ cost plus โดยไม่อิงกับการแข่งขันของภูมิภาค รวมถึงปรับราคาน้ำมันได้เดือนละครั้ง จะกระทบอัตรากำไรของกลุ่มโรงกลั่น (ทุกๆค่าการกลั่น -0.1$/bbl กระทบกำไรในกลุ่ม -2-7%; TOP -2%, SPRC -3%, BCP -5%, IRPC -7%, PTTGC -5% และ BSRC -5%) และสถานีบริการน้ำมัน (ทุกๆ 0.1 บาท/ลิตร กระทบกำไร OR -8%, PTG -35%) อย่างมีนัยสำคัญ
- โดยหากอิงตัวเลขบทสัมภาษณ์ในหนังสือพิมพ์ ที่ประเมินว่าลดราคาน้ำมันได้ 2 บาท/ลิตร แบ่งผลกระทบครึ่งๆ ระหว่างโรงกลั่น และสถานีฯ เท่ากับอาจกระทบค่าการกลั่น 4.5$/bbl และค่าการตลาด 1 บาท/ลิตร ซึ่งเป็นระดับที่ผู้ประกอบการไม่สามารถทำกำไรได้
- ทั้งนี้เรายังคงมุมมองที่ภาครัฐจะไม่เลือกใช้วิธีที่ขัดต่อหลักการค้าเสรี แต่หาก worst case กฏหมายคุมราคาน้ำมันสามารถบังคับใช้และทำ cost plus เอกชนจริง แนะนำขายกลุ่มโรงกลั่นและสถานีบริการน้ำมัน มองผลตอบแทนของกลุ่มจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ และความเสี่ยงในการบริหารเงินทุนหมุนเวียนเพิ่มขึ้นมาก