KS Daily View 23.01.2025>>> S&P 500 ปรับตัวขึ้นทดสอบ Record High หนุนโดยหุ้นเทคจากประเด็นโครงการลงทุน AI ด้านหุ้นไทยรีบาวด์สองวัน 20 จุด เข้าใกล้แนวต้านบริเวณ 1,370 ประกอบกับ Bond Yield เริ่มกลับมาขึ้น วันนี้มอง Sideway กรอบ 1,340 – 1,370 หุ้นแนะนำ TTB, SPRC
แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศ:
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง Dow Jones เพิ่มขึ้น 0.30%, S&P 500 เพิ่มขึ้น 0.61% และ Nasdaq Composite เพิ่มขึ้น 1.28% โดยเมื่อคืนนี้ดัชนี S&P 500 ขึ้นแตะ 6,100 จุดระหว่างการซื้อขายก่อนจะย่อลงมาเล็กน้อยปิดที่ 6,086.37 อยู่ห่างจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เพียง 0.06% แรงหนุนมาจากการประกาศแผนลงทุนมูลค่า 500 พันล้านดอลลาร์ในโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI ที่ชื่อ Stargate ของประธานาธิบดีทรัมป์ ทำให้หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้นอย่างโดดเด่น นอกจากนี้ยังได้แรงหนุนจากกลุ่มบริการสื่อสารที่ Netflix ปรับตัวขึ้นราว 10% จากผลประกอบการที่ดีกว่า โดยรายงานจำนวนสมาชิกเพิ่มใน 4Q24 ราว 19 ล้านคน มากกว่าตลาดคาดที่ 9.2 ล้านคน อย่างไรก็ตาม 9 จาก 11 กลุ่มอุตสาหกรรมปรับตัวลดลง
ตลาดหุ้นไทยปิดที่ระดับ 1,361.77 จุด ปรับตัวขึ้นต่อราว 9 จุด ด้วยมูลค่าซื้อขายราว 44,000 ล้านบาท โดยทั้งนักลงทุนสถาบันและต่างชาติต่างมีสถานะซื้อสุทธิ จากการที่ทรัมป์พิจารณาขึ้นภาษีศุลกากรจีนที่ 10% ซึ่งน้อยกว่าที่ตลาดคาดไว้ก่อนหน้าที่ 60% ถึงแม้ประเด็นนี้จะทำให้ตลาดหุ้นจีนปรับตัวลง แต่ก็ทำให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงและทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น นอกจากนี้ยังได้ประเด็นที่ทรัมป์ประกาศลงทุนโครงการ Stargate หนุนหุ้น DELTA ปรับตัวขึ้น รวมถึงหุ้นในกลุ่มธนาคารที่ภาพรวมผลประกอบการออกมาดีกว่าคาด อย่างไรก็ตามเรามองว่าการที่ SET รีบาวด์มาราว 20 จุด เข้าใกล้แนวต้านบริเวณ 1,370 รวมถึง 10Y US Bond Yield เริ่มกลับมาปรับตัวขึ้น ทำให้ตลาดอาจ Sideway ที่บริเวณนี้ เรายังมองกรอบเดิมที่ 1,340 – 1,370 หุ้นแนะนำเป็น TTB, SPRC และติดตามการกล่าวสุนทรพจน์ของโดนัลด์ ทรัมป์ ที่งาน World Economic Forum 2025
ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:
- ครม.เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.การท่าเรือแห่งประเทศไทยฉบับใหม่ ที่เพิ่มอำนาจให้ กทท.สามารถจัดตั้งบริษัทลูกและร่วมทุนทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และออกพันธบัตร โดยการลงทุนไม่เกิน 1,000 ล้านบาทให้บอร์ด กทท.อนุมัติได้เอง เกินกว่านั้นต้องขออนุมัติ ครม. ทั้งนี้มีแผนพัฒนาท่าเรือกรุงเทพและแหลมฉบังให้เป็น Smart Port พร้อมพัฒนาท่าเรือท่องเที่ยว Cruise Terminal โดยคาดว่าจะมีความชัดเจนภายใน 6 เดือน
- รมช.คลัง เผ่าภูมิ โรจนสกุล เปิดเผยว่ากระทรวงการคลังจะนำร่าง พ.ร.บ.ศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน เข้าครม.ต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2568 เพื่อดึงดูด 8 ธุรกิจการเงินให้มาตั้งสำนักงานในไทย โดยจะจัดตั้งสำนักงาน OSA เป็นหน่วยงานบริการแบบครบวงจร พร้อมให้สิทธิประโยชน์ทั้งด้านภาษีและไม่ใช่ภาษี แต่จะให้บริการเฉพาะลูกค้าต่างประเทศเป็นหลัก ยกเว้นบางกรณีที่สามารถให้บริการร่วมกับผู้ประกอบการไทยได้ โดยกฎหมายนี้ครอบคลุมถึงคริปโตเคอร์เรนซีด้วย
- บอร์ดประกันสังคมเห็นชอบปรับเพดานเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมแบบขั้นบันได จากเดิม 15,000 บาท เป็น 17,500 บาทในปี 2569-2571, 20,000 บาทในปี 2572-2574 และ 23,000 บาทตั้งแต่ปี 2575 เป็นต้นไป โดยจะส่งผลให้สิทธิประโยชน์เพิ่มขึ้นตามไปด้วย เช่น เงินทดแทนกรณีเจ็บป่วยจะเพิ่มจาก 7,500 บาทต่อเดือนเป็น 11,500 บาทต่อเดือนในปี 2575 ทั้งนี้ผลการรับฟังความคิดเห็นพบว่า 95% ของผู้แสดงความเห็นกว่า 2 แสนคนเห็นด้วยกับการปรับเพิ่มนี้
- จีนประกาศมาตรการหลายอย่างเพื่อเสถียรภาพตลาดหุ้น รวมถึงการเพิ่มการลงทุนของกองทุนบำเหน็จบำนาญและบริษัทประกันในบริษัทจดทะเบียน เพื่อรับมือความไม่แน่นอนจากการกลับมาของทรัมป์ โดย CSRC จะจัดแถลงข่าวในวันพฤหัสบดี หลังจากหุ้นจีนมีการเริ่มต้นปี 2025 ที่แย่ที่สุดในรอบ 9 ปี และยิ่งได้รับแรงกดดันเพิ่มหลังทรัมป์ขู่จะขึ้นภาษีสินค้าจีน 10% แม้จะต่ำกว่า 60% ที่เคยขู่ไว้ระหว่างหาเสียง
- ราคาน้ำมันลดลงต่ำสุดในรอบสัปดาห์ โดย Brent ลดลงมาที่ 79 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และ WTI ลดลงมาที่ 75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเนื่องจากความกังวลว่าการขึ้นภาษีของทรัมป์จะกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจและความต้องการใช้พลังงาน หลังทรัมป์ขู่จะขึ้นภาษีจีน 10% เม็กซิโกและแคนาดา 25% รวมถึงยุโรปและรัสเซีย นอกจากนี้ยังอาจยุติการนำเข้าน้ำมันจากเวเนซูเอลาที่ปัจจุบันอยู่ที่ 200,000 บาร์เรลต่อวัน
หุ้นแนะนำวันนี้ Top pick:
- TTB : ราคาพื้นฐาน 1.98 บาท
เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ TTB จากการประชุมนักวิเคราะห์ที่ผ่านมา โดยบริษัทตั้งเป้าปรับปรุงคุณภาพสินทรัพย์และต้นทุนให้ดีขึ้นในปี 2568 พร้อมเป้าหมายการเติบโตของสินเชื่อที่ 0-2% และรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยไม่เกิน 10% โดยตั้งเป้าอัตราส่วน NPL ไม่เกิน 2.9% และคาดว่า NPL Formation จะลดลงต่อเนื่อง พร้อม Credit Cost ที่อาจต่ำกว่าปี 2567 นอกจากนี้ TTB ยังมีแนวโน้มการบริหารจัดการเงินทุนที่ดีขึ้น ทั้งโอกาสในการซื้อหุ้นคืนและการจ่ายปันผล 60-70% ของกำไร ส่งผลให้คาดการณ์อัตราเงินปันผลที่ 7-8% ในปี 2568
- SPRC : ราคาพื้นฐาน 7.30 บาท
เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ SPRC จากการคาดการณ์ที่ว่าค่าการกลั่นจะฟื้นตัวในช่วงฤดูร้อน เนื่องจาก SPRC ใช้เทคโนโลยี FCC ที่ให้ผลผลิตน้ำมันเบนซินสูงกว่าโรงกลั่นที่ใช้เทคโนโลยีไฮโดรแคร็กเกอร์ และการฟื้นตัวของส่วนต่างราคาน้ำมันเบนซินจะเป็นประโยชน์ต่อ SPRC มากที่สุด นอกจากนี้คาดว่ากำไรไตรมาส 4/2567 จะอยู่ที่ 520 ล้านบาท พลิกจากขาดทุนสุทธิ 4.6 พันล้านบาทในไตรมาส 4/2566 จาก Market GRM ที่เพิ่มขึ้น อัตราการใช้กำลังการผลิตที่สูงขึ้น และผลขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันที่ลดลง โดยประเมินว่าจะจ่ายเงินปันผลครึ่งหลังของปี 2567 ที่ 0.15 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราผลตอบแทนเงินปันผล 2.7%
รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ
- วันพฤหัสฯ ติดตามดัชนีความเชื่อมันของผู้บริโภคของยุโรป (EU CCI) เดือน ม.ค. ตลาดคากการณ์ที่ -14.3 จุด เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่-14.5 จุด และปิดท้ายด้วยการรายงานจำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกของสหรัฐ (US Initial Jobless Claims) ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 2.17 แสนตำแหน่ง
- วันศุกร์ ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อของญี่ปุ่นเดือน ธ.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 3.4% YoY เร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 2.9% YoY ต่อด้วยการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) ตลาดคาดว่าจะมีการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยมาอยู่ที่ระดับ 0.50% จากเดิมที่ 0.25% และปิดท้ายด้วยตัวเลขยอดขายบ้านมือสองของสหรัฐ (US Existing Home Sale) เดือน ธ.ค. โดยตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 4.20 ล้านหลัง ปรับตัวลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ 4.15 ล้านหลัง