KS Daily View 24.01.2025>>> S&P 500 ปรับตัวขึ้นทำ All Time High แรงหนุนมาจากการกล่าวสุนทรพจน์ของทรัมป์ที่ WEF ด้านตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวลงแรงหลังทดสอบบริเวณ 1,360 และราคาน้ำมันที่ลดลงกดดันกลุ่มพลังงาน มองวันนี้ Sideway ที่กรอบ 1,330 – 1,360 หุ้นแนะนำเป็น TIDLOR, TMAN

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศ:

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นโดย S&P 500 เพิ่มขึ้น 0.53% ทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์และปิดเหนือ 6,100 จุดเป็นครั้งแรก ในขณะเดียวกัน Dow Jones เพิ่มขึ้น 0.92% และ Nasdaq Composite เพิ่มขึ้น 0.22% ปรับตัวขึ้นทุก Sector แรงหนุนมาจากการกล่าวสุนทรพจน์ของโดนัลด์ ทรัมป์ในงาน World Economic Forum ที่ดาวอส ซึ่งกดดันให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ ปรับลดอัตราดอกเบี้ย และเรียกร้องให้กลุ่ม OPEC ลดราคาน้ำมัน ทำให้ตลาดมีความคาดหวังในเชิงบวกต่อการลดแรงกดดันด้านเงินเฟ้อและการเติบโตทางเศรษฐกิจ

ตลาดหุ้นไทยปิดที่ระดับ 1,344.17 จุด ปรับตัวลงราว 18 จุด ซึ่ง Underperform ตลาดในภูมิภาคที่ส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้น โดยมีมูลค่าซื้อขายราว 34,400 ล้านบาทและนักลงทุนต่างชาติมีสถานะขายสุทธิที่ 4,400 ล้านบาท โดยตลาดถูกหุ้นขนาดใหญ่กดดันไม่ว่าจะเป็นกลุ่มพลังงาน สื่อสาร ค้าปลีก ธนาคาร ขนส่ง โดยเฉพาะกลุ่มพลังงานที่ปรับตัวลงตามภาพของราคาน้ำมันที่ลดลงต่อเนื่อง รวมถึงการที่ดัชนีขึ้นมาในช่วงสองวันก่อนหน้านี้ราว 20 จุด จนถึงระดับแนวต้านสำคัญและค่อนข้างจะรับปัจจัยบวกไปพอสมควรแล้ว ทำให้เกิดแรงขายที่บริเวณนี้ โดยเรามองว่า SET น่าจะยัง Sideway ที่กรอบ 1,330 – 1,360 เพื่อรอปัจจัยใหม่ หุ้นแนะนำวันนี้เป็น TIDLOR, TMAN และติดตามการประชุม BOJ ช่วง 10.00 น. โดยตลาดคาดจะมีการขึ้นดอกเบี้ย 25 bps สู่ระดับ 0.50%

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

  1. ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวสุนทรพจน์ผ่านวิดีโอในงาน World Economic Forum ที่ดาวอส เรียกร้องให้ OPEC ลดราคาน้ำมันและกดดันให้ธนาคารกลางสหรัฐลดดอกเบี้ยทันที พร้อมขู่เก็บภาษีสินค้าที่ไม่ผลิตในสหรัฐฯ นอกจากนี้ยังวิจารณ์แคนาดาและสหภาพยุโรปอย่างรุนแรงเรื่องการเกินดุลการค้า และประกาศจะผลักดันให้สหรัฐฯ เป็นศูนย์กลาง AI, คริปโตเคอร์เรนซี และเชื้อเพลิงฟอสซิล รวมถึงต้องการเจรจากับปูตินเรื่องสงครามยูเครนและการลดอาวุธนิวเคลียร์ ส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับตัวลง
  • สหรัฐฯ รายงานตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 6,000 ราย เป็น 223,000 ราย สูงกว่าตลาดคาดที่ 220,000 ราย ขณะที่ตัวเลขผู้รับสวัสดิการต่อเนื่องพุ่งขึ้นสู่ระดับ 1.9 ล้านราย ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2564 สะท้อนว่าผู้ว่างงานใช้เวลานานขึ้นในการหางานใหม่
  • นายกรัฐมนตรีแพทองธารพบหารือกับผู้บริหารระดับสูงของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ที่ดาวอส ทั้ง Salesforce และ Google โดยเชิญชวนให้มาลงทุนในไทยด้านโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล AI และการพัฒนาทักษะเยาวชน ซึ่ง Salesforce แสดงความสนใจร่วมมือในนโยบาย Cloud First และพัฒนา SMEs และสตาร์ทอัพ ขณะที่ Google ยืนยันความคืบหน้าการสร้าง Data Center ที่ชลบุรีที่จะเปิดให้บริการในอีก 2 ปี พร้อมขยายการผลิตผลิตภัณฑ์ในไทย และร่วมมือกับกระทรวงศึกษาธิการพัฒนาทักษะดิจิทัลให้นักเรียนไทย
  • ไทยลงนามข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) กับสมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป (EFTA) ซึ่งประกอบด้วยสวิตเซอร์แลนด์ นอร์เวย์ ไอซ์แลนด์ และลิกเตนสไตน์ นับเป็น FTA ฉบับแรกของไทยกับยุโรป โดยปี 2567 มีมูลค่าการค้ารวม 11,788 ล้านดอลลาร์ คิดเป็น 1.94% ของการค้าทั้งหมดของไทย รมว.พาณิชย์ระบุว่าจะช่วยยกระดับมาตรฐานไทยและดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมใหม่ เช่น Data Center และ AI คาดว่าจะมีผลบังคับใช้ภายใน 1 ปีหลังผ่านการเห็นชอบจากรัฐสภา
  • สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ร่วมกับการไฟฟ้าทั้ง 3 แห่ง ได้เปิดให้บริการอัตราค่าไฟฟ้าสีเขียวแบบไม่เจาะจงแหล่งที่มา (UGT1) เป็นครั้งแรกในไทย โดยกำหนดอัตราที่ 4.21 บาทต่อหน่วย (เพิ่มขึ้น 6 สตางค์จากค่าไฟปกติ) เพื่อรองรับภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมที่ต้องการใช้ไฟฟ้าสะอาด พร้อมมีใบรับรองมาตรฐาน I-REC ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ทั้งนี้มีผู้ลงทะเบียนใช้บริการแล้วประมาณ 600 ล้านหน่วย โดยส่วนใหญ่เป็นธุรกิจการค้าระหว่างประเทศและบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งทาง กกพ. ยืนยันว่าไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้ไฟฟ้าทั่วไป

หุ้นแนะนำวันนี้ Top pick:

  • TIDLOR : ราคาพื้นฐาน 23.00 บาท

เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ TIDLOR โดยคาดว่าผลประกอบการไตรมาส 4/2567 จะแข็งแกร่งทั้งเทียบกับไตรมาสก่อนและปีก่อน จากการเติบโตของสินเชื่อที่ฟื้นตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยที่เติบโตตามฤดูกาลจากรายได้ประกัน นอกจากนี้คาดว่าคุณภาพสินทรัพย์จะมีแนวโน้มดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 4/2567 หลังการเร่งปรับปรุงคุณภาพสินทรัพย์ตั้งแต่ปี 2566 โดยคาดว่าต้นทุนทางเครดิตในไตรมาส 4/2567 จะลดลงทั้งเทียบกับไตรมาสก่อนและปีก่อน อีกทั้งอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทย 10 ปีที่ลดลงมาอยู่ที่ 2.3% จาก 2.4% ในช่วงสัปดาห์ที่แล้ว จะช่วยหนุนการเก็งกำไรกลุ่มการเงิน

  • TMAN: ราคาพื้นฐาน 26.10 บาท

เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ TMAN หลังประสบความสำเร็จในการขึ้นทะเบียน Propolis เป็นยาแผนปัจจุบัน ซึ่งจะช่วยขยายช่องทางการขายเข้าสู่โรงพยาบาลทั้งภาครัฐและเอกชนที่สามารถเบิกประกันได้ โดยคาดการเติบโตในช่องทางโรงพยาบาลจะเพิ่มจาก 13% เป็น 17% ในปี 2568 จากการนำยา generic ใหม่เข้าสู่ตลาด ทั้ง Attor40 ที่เริ่มตั้งแต่ไตรมาส 3/2567 และยาเบาหวาน Maniptin ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนกับโรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่และโรงพยาบาลรัฐแล้ว รวมถึงผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างยาปลูกผมที่จะเปิดตัวในปี 2568 โดยคาดว่ารายได้จากกลุ่มยา Generic ใหม่จะเติบโตแข็งแกร่งในปีหน้า

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

  • วันศุกร์ ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อของญี่ปุ่นเดือน ธ.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 3.4% YoY เร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 2.9% YoY ต่อด้วยการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) ตลาดคาดว่าจะมีการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยมาอยู่ที่ระดับ 0.50% จากเดิมที่ 0.25% และปิดท้ายด้วยตัวเลขยอดขายบ้านมือสองของสหรัฐ (US Existing Home Sale) เดือน ธ.ค. โดยตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 4.20 ล้านหลัง ปรับตัวลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ 4.15 ล้านหลัง
- Advertisement -