บล.กสิกรไทย:
- กลุ่มค้าปลีกน้ำมันไม่ได้รับผลกระทบจากภาษีคาร์บอน
- ครม. อนุมัติภาษีคาร์บอนจากผลิตภัณฑ์น้ำมันที่ 200 บาท/ตัน โดยภาษีนี้จะรวมอยู่ในภาษีสรรพสามิต และไม่ส่งผลกระทบต่อราคาขายปลีกน้ำมัน และอัตรากำไร
- ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก วัตถุประสงค์ของมาตรการนี้คือ เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และสนับสนุนเป้าหมายของประเทศไทยในการบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2593 นอกจากนี้ ยังช่วยให้ธุรกิจของไทยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางการค้าระหว่างประเทศได้ เนื่องจากสหภาพยุโรป (EU) จะนำมาตรการปรับคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดน (CBAM) มาใช้ในปี 2569
- ทั้งนี้ ภายใต้ CBAM สินค้าส่งออกของไทยที่มีปริมาณคาร์บอนสูงอาจต้องเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ภาษีคาร์บอนที่ประเทศผู้ส่งออกได้ถูกเก็บตั้งแต่ต้นทาง จะสามารถหักออกจากภาษีคาร์บอนที่สหภาพยุโรปเรียกเก็บได้
- เรามีมุมมองที่เป็นกลางเกี่ยวกับการดำเนินการดังกล่าว เนื่องจากต้นทุนของผู้ประกอบการค้าปลีกน้ำมันยังคงไม่เปลี่ยนแปลง โดยมาตรการดังกล่าวเปลี่ยนแปลงเพียงโครงสร้างภายในของภาษีสรรพสามิตเท่านั้น ซึ่งหมายความว่าอัตราภาษีน้ำมันยังคงเดิม ตัวอย่างเช่น ภาษีสรรพสามิตสำหรับน้ำมันดีเซล (B7) ในปัจจุบันอยู่ที่ 5.99 บาท/ลิตร
- ทั้งนี้ หากรวมภาษีคาร์บอนเข้าไป ภาษีสรรพสามิตและภาษีคาร์บอนสำหรับ B7 จะยังคงอยู่ที่ 5.99 บาท/ลิตร แต่ประมาณ 0.51 บาท/ลิตร จะถูกนำไปเป็นภาษีคาร์บอน ดังนั้น เราคาดว่าค่าการตลาดน้ำมันจะไม่ถูกกดดัน เนื่องจากภาษีทั้งหมดที่จ่ายจะยังคงเท่าเดิม
- คงมุมมองที่เป็นกลางต่อกลุ่มค้าปลีกน้ำมัน แม้ว่าผลกระทบจากภาษีคาร์บอนจะจำกัด แต่เรายังคงมุมมองที่เป็นกลางต่อกลุ่มค้าปลีกน้ำมัน จากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่ขาดดุลราว 7.3 หมื่นลบ. ณ วันที่ 15 ม.ค. นอกจากนี้ กองทุนน้ำมันได้กลับมารับภาระชดเชยราคาน้ำมันดีเซลอีกครั้ง หลังจากที่ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นในช่วงนี้ ดังนั้น เราคิดว่าการแทรกแซงค่าการตลาดน้ำมันโดยรัฐบาลมีแนวโน้มที่จะยังคงดำเนินต่อไป