บล.ฟิลลิป:
Phillip Breaking News
กระทรวงพาณิชย์เผยตัวเลขการค้าเดือนธ.ค.67
- การส่งออกขยายตัว 8.7% y-y สูงกว่าตลาดคาดที่ 7.4% y-y และเร่งตัวขึ้นจาก 8.2% y-y ในเดือนพ.ย.67 ขณะที่ทั้งปี 2567 ขยายตัว 5.4% y-y
- การนำเข้าขยายตัว 14.9% y-y ต่ำกว่าตลาดคาดที่ 15.4% y-y หากแต่เร่งตัวขึ้นอย่างมากจาก 0.9% y-y ในเดือนพ.ย.67
ที่มา : Bloomberg, TPSO (23 ม.ค.68)
Strategist Comment: ทางฝ่ายมีมุมมองเป็นกลางตัวเลขข้างต้น โดยสัญญาณเชิงบวกมาจากการส่งออกเดือนธ.ค.67 ที่ขยายตัวได้ดีกว่าตลาดคาด ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนต่อหุ้นในกลุ่มส่งออก โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าที่การส่งออกขยายตัวได้ดี ดังนี้
1) สินค้าเกษตรที่ขยายตัวได้ดี ได้แก่ ยางพารา (+14 เดือนต่อเนื่อง) ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง (ขยายตัวในรอบ 14 เดือน) ไก่สด แช่เย็น แช่แข็ง และแปรรูป (+3 เดือนต่อเนื่อง) และผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็ง และแห้ง (+2 เดือนต่อเนื่อง)
2) สินค้าอุตสาหกรรมเกษตรที่ขยายตัวได้ดี ได้แก่ ผลไม้กระป๋องและแปรรูป (+15 เดือนต่อเนื่อง) อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป (+6 เดือนต่อเนื่อง) ผลิตภัณฑ์ข้าวสาลีและอาหารสำเร็จรูปอื่นๆ (+12 เดือนต่อเนื่อง) และอาหารสัตว์เลี้ยง (+15 เดือนต่อเนื่อง)
3) สินค้าอุตสาหกรรมที่ขยายตัวได้ดี ได้แก่ อัญมณีและเครื่องประดับ ไม่รวมทองคำไม่ขึ้นรูป (+2 เดือนต่อเนื่อง) เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ (+9 เดือนต่อเนื่อง) เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ (+10 เดือนต่อเนื่อง) เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ (+6 เดือนต่อเนื่อง) ผลิตภัณฑ์ยาง (+6 เดือนต่อเนื่อง) และเคมีภัณฑ์ (+6 เดือนต่อเนื่อง)
ทางฝ่ายจึงแนะนำหุ้นที่อยู่ในกลุ่มสินค้าที่การส่งออกมีการขยายตัวได้ดี ได้แก่ ASIAN, CCET, DELTA, HANA, ITC, IVL, HTECH, KCE, NER, STA, STGT และ TEGH
อย่างไรก็ตาม สาเหตุที่ทางฝ่ายมีมุมมองเป็นกลางเนื่องจากการนำเข้าเดือนธ.ค.67 ที่ขยายตัวในระดับสูง โดยทางฝ่ายมองส่วนหนึ่งมาจากการนำเข้าสินค้าจีน สอดรับกับการนำเข้าสินค้าจีนขยายตัว 15% y-y ในเดือนข้างต้น โดยเป็นการขยายตัวของสินค้าทุน สินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป สินค้าอุปโภคบริโภค และอาวุธยุทธปัจจัยและสินค้าอื่นๆ นอกจากนี้ ในเดือนข้างต้นการนำเข้าสินค้าจีนยังสูงถึง 29% ของการนำเข้าไทยทั้งหมด ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากในเดือนธ.ค.66 ที่คิดเป็นเพียง 26% ทางฝ่ายมองภาพข้างต้นนับเป็นหนึ่งในสัญญาณที่บ่งชี้ถึงการที่สินค้าจีนยังคงเข้ามาถล่มตลาดในไทยอย่างต่อเนื่อง และมีโอกาสเกิดขึ้นต่อในปี 2568 ด้วยเช่นกัน ท่ามกลางเศรษฐกิจจีนที่ยังเผชิญกับความยากลำบากในการฟื้นตัว อันเนื่องมาจากปัจจัยกดดันจากภายในและภายนอกประเทศจีน ดังนั้น จึงมองเป็นแรงกดดันต่อผู้ประกอบการภายในประเทศ รวมถึง MSME และเป็นปัจจัยกดดันทางอ้อมต่อการลงทุนและการบริโภคภาคเอกชน