สรุปภาวะตลาด

วันพุธท่ีผ่านมา ดัชนีค่อยๆปรับตัวข้ึนบวกถึง 22 จุด ณ ตอนปิดตลาด เป็นภาพของการรีบาวด์ หลังจากที่ดัชนีปรับตัวลงแรง 3 วันติด มีแรงซื้อกลับในหุ้น Big cap. ท้ังกลุ่มพลังงาน กลุ่มธนาคาร และกลุ่ม ICT อย่าง PTT, PTTEP, KBANK, ADVANC, SCC ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดท่ี 1,590.81 จุด +22.12 จุด +1.41% มูลค่าการซื้อขาย 93,864 ลบ. ต่างชาติ -1,730.92 ลบ. TFEX +15,157 สัญญา ตราสารหน้ี +8,005.57 ลบ.

ปัจจัยบวก

+ FED เตรียมพร้อมปรับนโยบายเพื่อเพิ่มการจ้างงานในสหรัฐ และสร้างความมั่นใจว่าเงินเฟ้อจะไม่ดีดตัวสูงข้ึนเป็นเวลานาน

+ ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 61.1 ในเดือนพ.ย. และสูงกว่าคาดการณ์ท่ีระดับ 61.0 จาก ระดับ 60.8 ในเดือนต.ค.

+ ADP เผยการจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มข้ึน 534,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. สูงกว่าที่คาดการณ์ท่ีระดับ 506,000 ตำแหน่ง แต่ต่ำกว่าระดับ 570,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค.

+ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายของยูโรโซนปรับตัวเล็กน้อยข้ึนสู่ระดับ 58.4 ใน เดือนพ.ย. จาก 58.3 ในเดือนต.ค. ปรับข้ึนคร้ังแรก นับต้ังแต่เดือนมิ.ย.

+/- ศบค.รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่รวม 4,971 ราย ATK 1,788 ราย มีผู้เสียชีวิต 33 ราย รักษาหาย 5,402 ราย

ปัจจัยลบ

– ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 461.68 จุด -1.34% นลท. ตื่นข่าวพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธ์ุโอไมครอนรายแรกในสหรัฐ โดยหุ้นกลุ่มสายการบินและกลุ่มโรมแรมร่วงลงทันที

– ราคาน้ำมันดิบ ลดลง 61 เซนต์ -0.9% ปิดท่ี 65.57 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังมีรายงานว่าสหรัฐพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนรายแรกในประเทศ สร้างกังวลผลกระทบที่มีต่อเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ามัน

– ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐ ปรับตัวลงสู่ระดับ 58.3 ในเดือนพ.ย. ต่ำสุดนับต้ังแต่ ธ.ค.2563 จากระดับ 58.4 ในเดือนต.ค.

– WHO เตือนว่ามาตรการระงับการเดินทางแบบเหวี่ยงแห (Blanket Travel Bans) ไม่สามารถป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธ์ุโอไมครอนได้ คาดว่าสายพันธุ์โอไมครอนได้แพร่ระบาดไปใน 23 ประเทศทั่วโลกแล้วและจะมีจำนวนเพิ่มขึ้น

– ญี่ปุ่นสั่งห้ามชาวต่างชาติทั้งหมดไม่ให้เดินทางกลับเข้าประเทศ หากเพิ่งเดินทางไปยัง 10 ประเทศในทวีปแอฟริกาซึ่งมีแนวโน้มว่าเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนกำลังแพร่ระบาดในวงกว้าง

– อังกฤษตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธ์ุโอไมครอนแล้วจำนวน 22 รายในสหราชอาณาจักร (UK) และมีแนวโน้มท่ีเพิ่มสูงข้ึน

แนวโน้มตลาดวันนี้

คาดดัชนีในวันนี้ยังแกว่งตัวผันผวนระหว่างวัน โดยมีแรงกดดันจากข่าวการพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธ์ุโอไมครอนรายแรกในสหรัฐ ขณะที่สถานการณ์ในประเทศศบค.เร่งตามตัว 252 คน ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงสูงที่บินมาจาก 8 ประเทศแอฟริกา ให้รีบมาตรวจเชื้อ ‘โอไมครอน’ ด้วยอาร์ที-พีซี มองกรอบดัชนีในวันน้ีที่ 1,557-1,600 จุด

กลยุทธ์การลงทุน

  • หุ้นท่ีได้ประโยชน์จากสถานการณ์โควิด-19 STGT STA BCH EKH SMD WINMED TM PHOL
  • หุ้นท่ีมีโอกาสเข้าคำนวณ SET50 : หุ้นเข้า BANPU KEX TIDLOR หุ้นออก BJC DELTA STA , SET100 : หุ้นเข้า BLA BPP EPG RCL SIRI STARK TTA หุ้นออก AAV ICHI JAS NRF PRM PSL TKN

หุ้นรายงานพิเศษ

TRV <MAI> – ราคา IPO 2.30 บาท (ราคาเหมาะสม consensus 3.0-3.5 บาท)

  • ประกอบธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายชิ้นส่วนยางขึ้นรูป สามารถจำแนกออกได้เป็น 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์ ได้แก่ ชิ้นส่วนยางขึ้นรูปในยานยนต์ ชิ้นส่วนยางข้ึนรูปในเครื่องใช้ไฟฟ้า และชิ้นส่วนยางข้ึนรูปอื่นๆ บริษัทฯ มีกลุ่มลูกค้า 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ กลุ่มผู้ผลิตช้ินส่วนยานยนต์ กลุ่มผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า กลุ่มลูกค้าในอุตสาหกรรมอื่นๆ
  • โครงสร้างรายได้ ในช่วง 9M64 แบ่งเป็น 1.ชิ้นส่วนยางข้ึนรูปในยานยนต์ 52.5% 2.ชิ้นส่วนยางขึ้นรูปในเครื่องใช้ไฟฟ้า 46.5% 3.ชิ้นส่วนยางขึ้นรูปอื่นๆ 1.0% โดยในปี 61-63 บริษัทมีรายได้รวมเท่ากับ 146.4 ลบ. 168.6 ลบ. และ 159.6 ลบ. ตามลำดับ ปี 63 รายได้ -5.3%YoY สาเหตุหลักจากรายได้ในส่วนของชิ้นส่วนยางขึ้นรูปในยานยนต์ที่ลดลงจากผลกระทบของโควิด-19 ส่งผลให้มีกำไรสุทธิในปี 61-63 ที่ 23.6 ลบ. 25.3 ลบ. และ 21.2 ลบ. ตามลำดับ คิดเป็น %NPM ที่ระดับ 16.16%, 15.04% และ 13.30% ตามลำดับ ในช่วง 9M64 มีรายได้รวมที่ 134.2 ลบ. +17.3%YoY จากฐานท่ีต่ำในปี 63 และมีกำไรสุทธิที่ 22.0 ลบ. +3.1%YoY
  • เสนอขายหุ้นจำนวนไม่เกิน 54.565 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 25.98% ของหุ้นท้ังหมด คิดเป็นมูลค่าการเสนอขาย 125.5 ลบ. ที่ราคา Par 0.5 บาท โดยมีวัตถุประสงค์การใช้เงิน ดังน้ี 1.เงินทุนในการซื้อเครื่องจักร 85 ลบ. 2.ชำระคืนเงินกู้ยืมแก่สถาบันการเงิน 10 ลบ. 3.เป็นเงินทุนหมุนเวียน 22.8 ลบ.
  • P/E เสนอขายที่ 17.69 เท่า เมื่อเทียบกับธุรกิจท่ีคล้ายกัน ได้แก่ IRC ท่ี 11 เท่า CPR 22.3 เท่า
หุ้นมีข่าว
(+) NETBAY (Bloomberg Consensus 28.00 บาท) พัฒนาเทคโนโลยีล้าสมัย “สมาร์ทฟาร์ม-เฮลธ์ เทค” พบดีมานด์ใช้ปลูกกัญชง กัญชาพรึ่บ พร้อมขายไม่เกินไตรมาส 2 ปีหน้า ฟากบอสใหญ่ “พิชิต วิวัฒน์รุจิราพงศ์” ลั่นการแพทย์ทรานฟอร์มการรักษา เช่ือเฮลธ์เทค มีความต้องการสูง ปักเป้า 5 ปี โกยรายได้พันล้านบาท (ที่มา ทันหุ้น)

(+) SMD (Bloomberg Consensus 19.50 บาท) SMD รับออเดอร์จาก CPALL วางจำหน่ายชุดตรวจโควิด-19 แบบเร่งด่วน ATK ในร้านสะดวกซื้อเซเว่น-อีเลฟเว่นรุกขยายฐานผู้บริโภครายย่อย ทยอยรับคำสั่งซื้อเพิ่มกว่า 7 ล้านบาท ดันผลการดำเนินงานในปี 2564 แตะ 1.55 พันล้านบาทตาม เป้า (ท่ีมา ทันหุ้น)

(+) JKN (Bloomberg Consensus 9.00 บาท) “JKN Best Life” บริษัทในเครือ JKN รุกตลาดกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ใช้สารสกัดจากกัญชง เปิดตัวนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ใหม่ แบรนด์ Anne Skin “ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวผสานน้ำมันกัญชง” ประเดิม 4 รายการ เพื่อความงามของผิวพรรณแบบครบเซ็ต เริ่มวางจำหน่ายผ่าน Facebook, Line และ Call Center ที่ JKN Hi Shoppping มั่นใจลูกค้าตอบรับดี (ท่ีมา ข่าวหุ้น)

(+) ACE (Bloomberg Consensus 4.57 บาท) แย้มผลงานไตรมาส 4/64 เติบโตตามกำลังการผลิตท่ีเพิ่มขึ้น หลัง COD โรงไฟฟ้าชีวมวลคลองขลุง จ.กำแพงเพชร กำลังการผลิต 9.9 เมกะวัตต์ ขณะที่ปี 65 มั่นใจมีโครงการใหม่ทยอย COD เพิ่ม เตรียมพร้อมเข้าร่วมประมูลโครงการโรงไฟฟ้า ชุมชนเฟส 2 และโรงไฟฟ้าขยะชุมชนภายในต้นปีหน้า (ที่มา ข่าวหุ้น)

ปัจจัยจับตาในประเทศ

  • 3 ธ.ค.กระทรวงพาณิย์แถลงสถานการณ์ด้าน ราคาสินค้าและบริการ
  • สัปดาห์ที่ 2 หอการค้าไทยร่วมกับมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยแถลงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค

ประชุมคณะกรรมการร่วม 3 สถาบันภาคเอกชน (กกร.) สภาธุรกิจตลาดทุนไทยค่าแถลงผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน และอัพเดทสถานการณ์ลงทุน  ตลท. แถลงข้อมูลสรุปภาวะซื้อขายหลักทรัพย์

  • 7 ธ.ค. สภาผู้ส่งออกแถลงสถานการณ์การส่งออก
  • 22 ธ.ค.ประชุม กนง.ครั้งที่ 8/2564
  • 30 ธ.ค. ธปท. รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย

ปัจจัยจับตาต่างประเทศ

  • 2 ธ.ค. อียูรายงานอัตราว่างงานเดือนต.ค. ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนต.ค.

สหรัฐรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์

  • 3 ธ.ค. อียูรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือน พ.ย.จากมาร์กิต ยอดค้าปลีกเดือนต.ค.

สหรัฐรายงานตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน พ.ย. ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนพ.ย.จากมาร์กิต ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนต.ค.ดัชนีภาคบริการเดือนพ.ย.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM)

  • 7 ธ.ค. จีนรายงานยอดนำเข้า, ส่งออกและดุลการค้าเดือนพ.ย. ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศเดือนพ.ย.

อียูรายงาน GDP 3Q64 (ประมาณการครั้งท่ี 3)

ความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจเดือน ธ.ค.จากสถาบัน ZEW

สหรัฐรายงานดุลการค้าเดือนต.ค.

- Advertisement -