KS Daily View 03.02.2025 >>> ทรัมป์ขึ้นภาษี SET เปิดปีไม่สดใส ติดอันดับดัชนี Underperform ที่สุด มองกรอบ SET วันนี้ 1,305 – 1,330 จุด หุ้นแนะนำ CRC, KKP

Theme การลงทุนสัปดาห์นี้: คาดตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้แกว่งตัวในกรอบ 1,290-1,340 จุด มองแนวโน้มหลักหลักยังเป็นขาลง และปัจจัยกดดันอาจเปลี่ยนจากประเด็นเฉพาะตัวของหุ้นหรืออุตสาหกรรมเป็นภาพรวมจากต่างประเทศ หลังประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าจากเม็กซิโกและแคนาดา 25% และจากจีน 10% สร้างความกังวลเรื่องสงครามการค้ารอบใหม่และกดดันบรรยากาศการลงทุน อย่างไรก็ดี ความเสี่ยงด้านลบเริ่มจำกัดหลังดัชนี SET ปรับลง 6.1% ในเดือน ม.ค. ซึ่งเป็นการลดลงรายเดือนที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่วิกฤต Covid-19 ในเดือน มี.ค. 2020 สำหรับปัจจัยสำคัญต้องติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ทั้ง ISM ภาคการผลิตวันจันทร์ และการจ้างงานวันศุกร์ที่คาดชะลอลงมาที่ 150k จาก 256k  ส่วนอัตราว่างงานคาดทรงตัวที่ 4.1% ด้านผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนมีADVANC ในวันศุกร์ คาดกำไรทรงตัว QoQ แม้แรงขาย LTF น่าจะชะลอในเดือน ก.พ. แต่ยังขาดปัจจัยบวกชัดเจน สำหรับกลยุทธ์การลงทุนแนะนำเน้นหุ้นที่คาดผลประกอบการ Q4/67 เติบโตแข็งแกร่งหรือผ่านจุดต่ำสุด รวมถึงหุ้นที่ราคาถูกและปันผลสูง แนะนำ CRC AP KKP TIDLOR SHR

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศวันนี้: ตลาดหุ้นไทยปิดที่ 1,314.50จุด ปรับตัวลง 21 จุด ปิดเดือนด้วยผลตอบแทน Underperformที่สุดในบรรดาดัชนีหลักทั่วโลก จากปัจจัยกดดันภายในของกลุ่มค้าปลีกที่ปรับตัวลงทั้งกลุ่ม เราคาดว่าตลาดน่าจะยังปรับตัวลงต่อจากประเด็นสงครามการค้าที่ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว โดยให้ติดตามท่าทีของจีนว่าจะมีการตอบโต้ที่รุนแรงมากขึ้นหรือไม่ เราประเมินกรอบของ SET วันนี้ที่ 1,305 – 1,330 แนะนำหุ้น Domestic Play อย่าง CRC, KKP

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

1. สหรัฐฯ จะเก็บภาษีนำเข้า 25% กับสินค้าจากแคนาดาและเม็กซิโก และ 10% กับสินค้าจากจีน ตามที่เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เปิดเผย โดยจะเก็บภาษี 10% กับสินค้าพลังงานจากแคนาดา ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวมีข้อกำหนดที่จะเพิ่มอัตราภาษีขึ้นหากประเทศเหล่านี้ใช้มาตรการตอบโต้กับสินค้าสหรัฐฯ

2. หลังจากทรัมป์ลงนามคำสั่งเก็บภาษีนำเข้า 25% จากแคนาดาและเม็กซิโก และ 10% จากจีน โดยมีผลวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ทั้งสามประเทศได้ตอบโต้ในทันที โดยแคนาดาประกาศเก็บภาษี 25% กับสินค้าสหรัฐฯ มูลค่า 155,000 ล้านดอลลาร์แคนาดา ครอบคลุมตั้งแต่เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไปจนถึงเครื่องใช้ไฟฟ้า ด้านเม็กซิโกประกาศใช้มาตรการทั้งด้านภาษีและมิใช่ภาษี พร้อมปฏิเสธข้อกล่าวหาเรื่องการสมรู้ร่วมคิดกับองค์กรอาชญากรรม ส่วนจีนเลือกใช้ท่าทีประนีประนอมโดยจะยื่นคัดค้านต่อ WTO และเตรียมมาตรการตอบโต้ซึ่งจะเปิดเผยรายละเอียดในภายหลัง

3. กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนธันวาคมเพิ่มขึ้น 2.6% เมื่อเทียบรายปี และ 0.3% เมื่อเทียบรายเดือน สอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ ขณะที่ดัชนี Core PCE ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ เพิ่มขึ้น 2.8% เมื่อเทียบรายปี และ 0.2% เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นไปตามที่ตลาดคาดไว้เช่นกัน

4. กระทรวงการคลังเตรียมออก Stablecoin มูลค่าหมื่นล้านบาทในปี 2568 โดยใช้พันธบัตรรัฐบาลเป็นสินทรัพย์หนุนหลัง เริ่มในรูปแบบแซนด์บ็อกซ์ และจะออกเป็นโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุนในเฟสแรก โดยมีเป้าหมายให้นักลงทุนรายย่อยสามารถเข้าถึงการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลได้ง่ายขึ้น ผ่านแพลตฟอร์มที่กระทรวงการคลังจะพัฒนาขึ้น ซึ่งในอนาคตอาจกำหนดให้ 1 โทเคนมีค่าเท่ากับ 1 บาท และสามารถต่อยอดไปสู่เฟสที่ 2 เพื่อใช้ในการซื้อขายสินค้าและบริการได้

5. รมว.คมนาคม สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เผยจะไม่ต่อมาตรการรถไฟฟ้าและรถเมล์ฟรี หลังสิ้นสุดโครงการ 7 วัน (25-31 ม.ค. 2568) ที่ช่วยลดรถยนต์บนถนนได้กว่า 3.5 แสนคันต่อวัน โดยจะเสนอ ครม. ขอใช้งบกลาง 190.41 ล้านบาทเพื่อชดเชยรายได้ให้ผู้ประกอบการ ซึ่ง BTS จะได้รับ 133.04 ล้านบาทตามที่ประมาณการไว้ ไม่มีการชดเชยเพิ่ม ทั้งนี้ยอดผู้ใช้บริการที่เพิ่มขึ้นระหว่างมาตรการสะท้อนว่านโยบายค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายที่จะเริ่มใช้กลางปี 2568 จะประสบความสำเร็จ

Daily pick

KKP: ราคาพื้นฐาน 57.50 บาท

เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ KKP โดยคาดว่าผลขาดทุนรถยึดจะปรับตัวดีขึ้นในปี 2568 นี้ จากดัชนีราคารถมือสองที่หยุดลงและมีการปรับเพิ่มขึ้นในเดือนพฤศจิกายนและธันวาคมปีที่ผ่านมา หลังจากปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงปี 2565 โดยคาดว่าCredit Cost มีโอกาสปรับตัวลดลงอยู่ในกรอบเป้าหมาย 2.2-2.4% และ Asset Quality มีโอกาสปรับตัวดีขึ้นจาก Stage 2 ในไตรมาสที่ 4 ปี 2567 ที่มีการปรับตัวลดลง นอกจากนี้คาดว่า KKP จะมีโอกาสทำ Capital Management เพิ่มเติม หลังจากตั้งเป้าการเติบโตของ Loan Growth ในระดับคงที่ รวมถึงมีแนวโน้ม Fee Income ที่สามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งจากปี 2567 โดยเฉพาะจากธุรกิจ Capital Market และ Agency Business

CRC : ราคาพื้นฐาน 39.00 บาท

เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ CRC โดยคาดว่าจะได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นการบริโภคในประเทศช่วงครึ่งแรกของปี 2568 ทั้งจากมาตรการ Easy e-Receipt (16 มกราคม – 28 กุมภาพันธ์) และมาตรการแจกเงินดิจิตอลเฟส 2 และ 3 (27 มกราคมและช่วงไตรมาสที่ 2 ปี 2568) นอกจากนี้ CRC ยังคงดำเนินกลยุทธ์ประหยัดต้นทุน โดยตั้งเป้าให้ค่าใช้จ่าย SG&A เติบโตน้อยกว่ารายได้ และจะได้ประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง เนื่องจากมีหนี้สินที่เป็น Floating-Rate ประมาณ 90% รวมถึงการกลับมาเปิดของห้างเซนทรัลชิดลมและรีนาเซนเตในปลายปี 2567 ซึ่งจะเป็นตัวเสริมรายได้ให้กับกลุ่ม Fashion ที่มี High Margin

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

วันจันทร์ ติดตามตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตของจีน (Caixin Manufacturing PMI) เดือน ม.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 50.6 จุดปรับตัวเพิ่มจากเดือนก่อนหน้าที่ 50.5 จุด ต่อด้วยการรายงานตัวเลขเงินเฟ้อฝั่งยุโรปเดือน ม.ค. เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 2.4% YoY และปิดท้ายด้วยตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตของสหรัฐ (ISM Manufacturing PMI) เดือน ม.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 49.0 จุดชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ 49.3 จุด

วันอังคาร ติดตามตัวเลขตำแหน่งงานว่างเปิดใหม่ในสหรัฐ (US JOLTS Job Openings) เดือน ธ.ค. เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 8.10 ล้านตำแหน่งและการรายงานยอดสั่งซื้อสินค้าจากโรงงานในสหรัฐ (US Factory Orders) เดือน ธ.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 0.7% MoM เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ -0.4% MoM

วันพุธ ติดตามตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการของจีน (Caixin Services PMI) เดือน ม.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 52.5 จุดปรับตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 52.2 จุด ต่อด้วยตัวเลขเงินเฟ้อของไทย (TH CPI) เดือน ม.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 1.25% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 1.23% YoY และอัตราเงินเฟ้อที่ไม่รวมราคาอาหารและพลังงาน (TH Core CPI) ตลาดคาดการณ์ที่ 0.10% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ -0.18%YoY ปิดท้ายด้วยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการของสหรัฐ (ISM Services PMI) เดือน ม.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 54.3 จุดปรับตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 54.1 จุด

วันพฤหัสฯ ติดตามดัชนียอดค้าปลีกของฝั่งยุโรป (EU Retail sales) เดือน ธ.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 2.0% YoY เร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 1.2% YoY และจำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกของสหรัฐ (US Initial Jobless Claims) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 2.07 แสนตำแหน่ง

วันศุกร์ ติดตามตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตร (Nonfarm Payrolls) เดือน ม.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 1.50 แสนตำแหน่งชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ 2.56 แสนตำแหน่ง และอัตราการว่างงาน (Unemployment Rate) เดือน ม.ค. ตลาดคาดการณ์ที่  4.1% ทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า

- Advertisement -