KS Daily View 04.02.2025 >>> ทรัมป์พักเก็บภาษีกับเม็กซิโกและแคนาดา 30 วัน มองกรอบ SET วันนี้ 1,300 – 1,330 จุด หุ้นแนะนำ TLI, CPAXT
แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศวันนี้: ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบแต่สามารถฟื้นตัวจากจุดต่ำสุดของวัน หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศเลื่อนการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากเม็กซิโกออกไปหนึ่งเดือน โดยดัชนี S&P 500 ลดลง 0.76%, Dow Jones ลดลง -0.28% และ Nasdaq Composite ลดลง 1.20% หุ้นสหรัฐฯ เปิดตลาดปรับตัวลงแรงจากความกังวลเรื่องภาษีนำเข้าที่ทรัมป์ประกาศใช้กับเม็กซิโก, แคนาดา และจีนในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่หลังจากมีการเลื่อนภาษีสำหรับเม็กซิโกออกไป ตลาดเริ่มฟื้นตัวนำโดยหุ้นในกลุ่ม Defensive อย่าง Consumer Staples, Healthcare และ Utilities
ตลาดหุ้นไทยปิดที่ 1,304.39 จุด ลดลง 10 จุด หลังเปิดตลาดร่วงแรง 40 จุดก่อนฟื้นตัวขึ้น 30 จุด ท่ามกลางแรงกดดันจากสงครามการค้า หลังทรัมป์ประกาศเก็บภาษีนำเข้า 25% จากแคนาดาและเม็กซิโก และ 10% จากจีน ซึ่งทั้งสองประเทศแรกตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีเช่นกัน ส่งผลให้ 24 กลุ่มอุตสาหกรรมปิดลบ นำโดยพลังงาน สื่อสาร ขนส่ง และอาหาร มีเพียงกลุ่มโรงแรมที่ปรับตัวขึ้นสวนตลาดจากจำนวนนักท่องเที่ยวช่วงตรุษจีนที่ฟื้นตัวและกระแส The White Lotus Season 3 ที่กำลังจะออกอากาศกลางเดือนนี้ ช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยว ด้านแนวโน้มตลาดคาดว่าจะแกว่งตัวขึ้นในกรอบ 1,300-1,330 จุด หลังจากในช่วงข้ามคืนทรัมป์ประกาศระงับภาษีนำเข้ากับเม็กซิโกออกไป 1 เดือน และประกาศในลักษณะเดียวกันกับแคนาดาเมื่อเช้าที่ผ่านมา และติดตามท่าทีของจีนวันนี้ หุ้นแนะนำเป็น TLI, CPAXT
ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:
1. ทรัมป์ประกาศระงับการเก็บภาษีนำเข้า 25% กับทั้งเม็กซิโกและแคนาดาเป็นเวลา 30 วัน หลังทั้งสองประเทศตกลงที่จะเพิ่มมาตรการป้องกันการลักลอบขนยาเฟนทานิล โดยเม็กซิโกจะส่งทหาร 10,000 นายไปประจำการที่ชายแดน ส่วนแคนาดาจะใช้งบ 1.3 พันล้านดอลลาร์เพิ่มการลาดตระเวนชายแดนด้วยเฮลิคอปเตอร์ เทคโนโลยี และเจ้าหน้าที่เกือบ 10,000 นาย
2. ประธานาธิบดีทรัมป์ขู่จะเก็บภาษีกับสหภาพยุโรปในเร็วๆ นี้ โดยอ้างว่าสหภาพยุโรปไม่ยอมนำเข้าสินค้าเกษตรและรถยนต์จากสหรัฐฯ แต่ส่งออกสินค้าจำนวนมากมายังสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม ทรัมป์กล่าวว่าจะยกเว้นสหราชอาณาจักรจากมาตรการภาษี เนื่องจากเชื่อว่าสามารถเจรจาแก้ไขปัญหาได้
3. ภาคการผลิตของสหรัฐฯ ขยายตัวเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2022 โดยดัชนี ISM เดือนมกราคมเพิ่มขึ้น 1.7 จุด เป็น 50.9 จุด สูงสุดนับตั้งแต่เดือนกันยายน 2022 ดัชนีคำสั่งซื้อใหม่เพิ่มขึ้น 3 จุด เป็น 55.1 จุด และดัชนีการผลิตเพิ่มขึ้น 2.6 จุด เป็น 52.5 จุด สะท้อนความต้องการที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม การสำรวจนี้ทำก่อนที่ทรัมป์จะประกาศเก็บภาษีนำเข้า 25% จากแคนาดาและเม็กซิโก
4. ภาคการผลิตทั่วเอเชียชะลอตัวในเดือนมกราคม โดยดัชนีPMI ภาคการผลิตของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ลดลงต่ำสุดในรอบ 11 เดือนที่ 50.4 จุด ขณะที่จีนก็ประสบปัญหาเช่นกัน โดยดัชนี Caixin PMI ลดลงเหลือ 50.1 จุด ต่ำสุดในรอบ 4 เดือน สะท้อนถึงการจ้างงานที่ลดลง อุปสงค์ภายนอกที่ซบเซา และระดับราคาที่อ่อนแอ ซึ่งสถานการณ์อาจแย่ลงหลังทรัมป์ประกาศเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน 10% และขู่จะขยายมาตรการไปยังสหภาพยุโรปด้วย
5. คณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม อนุมัติโครงการจัดทำนโยบายส่งเสริมการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลและอวกาศ พร้อมเห็นชอบกรอบนโยบายการให้ทุนสนับสนุนประจำปีงบประมาณ 2568 วงเงิน 2,000 ล้านบาท ครอบคลุม 3 ด้าน ได้แก่ การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ประโยชน์ ความปลอดภัยในโลกดิจิทัล และการพัฒนาบุคลากรดิจิทัล โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศและสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่รัฐบาลดิจิทัลในอนาคต
6. กลุ่ม OPEC+ ยืนยันแผนการผลิตน้ำมันตามเดิม แม้ประธานาธิบดีทรัมป์จะเรียกร้องให้ลดราคาน้ำมัน โดยจะยังคงจำกัดการผลิตจนถึงสิ้นไตรมาสนี้และค่อยๆ เพิ่มกำลังการผลิตรายเดือนตั้งแต่เดือนเมษายน กลุ่มนำโดยซาอุดีอาระเบียและรัสเซียยังคงระมัดระวังที่จะไม่เพิ่มอุปทานมากเกินไปท่ามกลางอุปสงค์ที่ชะลอตัวในจีนและอุปทานที่เพิ่มขึ้นในทวีปอเมริกา
Daily pick
TLI : ราคาพื้นฐาน 13.80 บาท
เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ TLI เนื่องจากคาดว่าจะได้ประโยชน์ระยะสั้นจากการที่ลูกค้าเร่งซื้อประกันสุขภาพก่อนที่จะมีการปรับเปลี่ยนเป็นระบบ Copayment ในเดือนมีนาคมนี้ โดย TLI มีสัดส่วนประกันสุขภาพแบบ Rider ประมาณ 10-15% นอกจากนี้ บริษัทน่าจะได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนมาตรฐานบัญชีเป็น TFRS17 ที่จะเริ่มใช้ในปี 2025 รวมถึงการที่บริษัทมุ่งเน้นในการขายสินค้าที่มี VONB Margin ในระดับสูงและมีการตั้งเป้าหมายการเติบโตของ VONB ในระดับสองหลักอีกด้วย
CPAXT : ราคาพื้นฐาน 39.30 บาท
เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ CPAXT เนื่องจากยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ในเดือนมกราคมเติบโต 4-6% จากผลดีของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลและการจับจ่ายใช้สอยช่วงก่อนเทศกาลตรุษจีน นอกจากนี้ เราคาดว่ากำไรในไตรมาส 4 ปี 2024 จะเติบโตแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีการเติบโตของรายได้ที่ 6% และอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นราว 90 bps เมื่อเทียบกับปีก่อน อีกทั้งบริษัทยังตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ปี 2025 ในระดับ High Single Digit พร้อมกับการเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นอีก 60 bps รวมถึงการได้ประโยชน์จาก Synergy Value ราว 5,200 ล้านบาท ซึ่งมาจากการประหยัดต้นทุนและการเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้น โดยจะทยอยรับรู้ทั้งหมดในงบกำไรขาดทุนภายใน 2 ปีนี้
รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ
วันอังคาร ติดตามตัวเลขตำแหน่งงานว่างเปิดใหม่ในสหรัฐ (US JOLTS Job Openings) เดือน ธ.ค. เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 8.10 ล้านตำแหน่งและการรายงานยอดสั่งซื้อสินค้าจากโรงงานในสหรัฐ (US Factory Orders) เดือน ธ.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 0.7% MoM เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ -0.4% MoM
วันพุธ ติดตามตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการของจีน (Caixin Services PMI) เดือน ม.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 52.5 จุดปรับตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 52.2 จุด ต่อด้วยตัวเลขเงินเฟ้อของไทย (TH CPI) เดือน ม.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 1.25% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 1.23% YoY และอัตราเงินเฟ้อที่ไม่รวมราคาอาหารและพลังงาน (TH Core CPI) ตลาดคาดการณ์ที่ 0.10% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ -0.18%YoY ปิดท้ายด้วยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการของสหรัฐ (ISM Services PMI) เดือน ม.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 54.3 จุดปรับตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 54.1 จุด
วันพฤหัสฯ ติดตามดัชนียอดค้าปลีกของฝั่งยุโรป (EU Retail sales) เดือน ธ.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 2.0% YoY เร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 1.2% YoY และจำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกของสหรัฐ (US Initial Jobless Claims) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 2.07 แสนตำแหน่ง
วันศุกร์ ติดตามตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตร (Nonfarm Payrolls) เดือน ม.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 1.50 แสนตำแหน่งชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ 2.56 แสนตำแหน่ง และอัตราการว่างงาน (Unemployment Rate) เดือน ม.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 4.1% ทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า